เลขที่ |
61 |
หมวดหมู่ |
เสาประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน@ |
ประเภท |
ความตกลง |
ชื่อภาษาไทย |
ความตกลงว่าด้วยความมั่นคงทางปิโตรเลียมของอาเซียน |
ชื่อภาษาอังกฤษ |
ASEAN Petroleum Security Agreement (APSA (2009)) |
สถานที่ลงนาม |
อำเภอชะอำ ประเทศไทย (การประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 14) |
วันที่ลงนาม / วันที่ได้รับการลงมติยอมรับ |
1 มีนาคม 2552 |
สถานะการให้สัตยาบัน |
ไทยได้ส่งมอบสัตยาบันสารไปยังเลขาธิการอาเซียนเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 |
การเริ่มมีผลบังคับใช้ |
มาตรา 7(3)
ความตกลงนี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 30 นับจากวันที่มีการส่งมอบสัตยาบันสารหรือหนังสือแสดงการยอมรับฉบับที่ 10 |
สถานะการมีผลบังคับใช้ |
มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2556 |
สาระสำคัญ |
ความตกลงว่าด้วยความมั่นคงทางปิโตรเลียมของอาเซียน มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างกรอบการช่วยเหลือระหว่างกันในภาวะวิกฤตระหว่างประเทศสมาชิกเมื่อเกิดภาวะขาดแคลนน้ำมันดิบ และผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม หรือภาวะที่ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมล้นตลาด โดยความตกลงฉบับนี้เป็นฉบับปรับปรุงจากความตกลงฉบับเดิม ที่ได้มีการลงนามไปเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2529 แต่ภายหลังการลงนาม ความตกลง APSA ฉบับดั้งเดิมนี้ ไม่เคยถูกนำปฏิบัติเพราะไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง
ต่อมา จึงได้มีการเสนอให้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงความตกลง APSA ให้นำไปปฏิบัติได้จริง ซึ่งจากเดิมที่กำหนดไว้ว่า ประเทศที่ขอรับความช่วยเหลือในกรณีที่เกิดภาวะการขาดแคลนปิโตรเลียมต้องขาดแคลนอย่างน้อย 20% แก้ไขใหม่เป็น ขาดแคลนปิโตรเลียมอย่างน้อย 10% ของความต้องการภายในประเทศนั้นๆ และความร่วมมือจากเดิมที่กำหนดให้เป็นไปตามความสมัครใจบนพื้นฐานของธุรกิจ ให้เปลี่ยนเป็น ความร่วมมือให้เป็นไปตามสมัครใจ บนพื้นฐานของธุรกิจและด้วยความพยายามอย่างเต็มความสามารถในการแก้ปัญหาภาวะการขาดแคลน นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดให้เลขาธิการคณะมนตรีอาเซียนว่าด้วยปิโตรเลียม(ASEAN Council on Petroleum (ASCOPE) Secretary-in-Charge) เป็นผู้ประสานงานในการให้ความช่วยเหลือประเทศสมาชิก |
กฏหมายที่เกี่ยวข้อง |
|