นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส. พรรคก้าวไกล และคณะ แถลงข่าว กรณีรถเครนโรงหลอมเหล็ก จ.ระยอง พังถล่มทับแรงงานเมียนมาเสียชีวิต
วันพุธที่ 3 เมษายน 2567 เวลา 11.30 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส. พรรคก้าวไกล และคณะ แถลงข่าวกรณีรถเครนโรงหลอมเหล็ก จ.ระยอง พังถล่มทับแรงงานเมียนมาเสียชีวิต จากกรณีที่รถเครนของโรงหลอมเหล็ก ม. 2 ต.ตาสิทธิ์ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง พังถล่มทับแรงงานเมียนมาเสียชีวิตรวม 7 ราย เมื่อวันที่ 29 มี.ค. 67 ซึ่งจุดเกิดเหตุเป็นปล่องขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3 เมตร สูงจากพื้นดิน 100 เมตร โดยโรงหลอมสร้างบนเขาหิน ด้านล่างพบเศษซากของเครนที่ถล่มลงมาจนนำไปสู่การรวมตัวของแรงงานเมียนมากว่า 500 คน เรียกร้องเงินเยียวยาจนโดยได้ข้อสรุปจ่ายค่าเสียหายศพละ 1.6 ล้านบาท รวมถึงจัดพิธีศพ โรงงานดังกล่าวเป็นโรงงานผลิตเหล็กแผ่น เหล็กรูปพรรณ และเหล็กลวด มีระยะเวลาก่อสร้าง 5 ปี เริ่มโครงการ 1 เม.ย. 64 สิ้นสุดโครงการ 31 มี.ค. 69 มีนักลงทุนจีนเป็นเจ้าของร่วมทุน ใช้แรงงานต่างด้าว เมื่อปลายปีที่แล้วตนเคยนำซึ่งเรื่องของโรงงานดังกล่าวมาหารือในสภาผู้แทนราษฎรหลายครั้ง รวมทั้งได้ตั้งกระทู้ถามสดกับรมว.อุตสาหกรรม แต่ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด การพังถล่มของโรงงานทำให้มีข้อกังวลในเรื่องของสุขอนามัยของแรงงานในโรงงานว่าเป็นไปตามมาตรฐานโดยชอบตามกฎหมายหรือไม่ และสาเหตุของการถล่มเกิดจากอะไร
นายสหัสวัต คุ้มคง สส. พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ขอตั้งข้อสังเกตเรื่องสิทธิแรงงานว่า แรงงานต่างด้าวถือเป็นแรงงานที่ขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของไทย มีสิทธิเรียกร้องความเป็นธรรมตามกฎหมาย ที่ผ่านมาสังคมไม่ทราบการดูแลแรงงานดังกล่าวโดยชอบด้วยกฎหมาย รัฐบาลเปิดให้มีการลงทุนจากต่างชาติแต่ไม่มีการตรวจสอบว่าประเทศจะได้ประโยชน์อย่างไร ได้มีการหารือเรื่องทุนต่างชาติในสภาผู้แทนราษฎรไปแล้วว่าการลงทุนจากต่างชาติจะนำแรงงานต่างชาติเข้าแย่งงานของแรงงานไทย การเข้ามาทำงานแรงงานต่างชาติจะเข้ามาโดยทำวีซ่านักท่องเที่ยว และทุนต่างชาติอาจจะสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ ขอฝากถึงคณะรัฐบาลให้ตรวจสอบเรื่องแรงงานต่างด้าวโดยเร่งด่วน เพื่อประโยชน์ของประเทศ
ด้าน น.ส.กมนทรรศน์ กิตติสุนทรสกุล รองประธานคณะกมธ.การอุตสาหกรรม คนที่สอง กล่าวเพิ่มเติมว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวในฐานะคณะ กมธ.การอุตสาหกรรมได้รับเรื่องดังกล่าวเข้ามาพิจารณา และจะลงพื้นที่โดยเร็ว เพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงในเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการก่อสร้าง ใบอนุญาตก่อสร้างว่าชอบด้วยฎหมายหรือไม่ รวมทั้งจะติดตามเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิดต่อไป