นายปารมี ไวจงเจริญ และน.ส.พิมพ์กาญจน์ กีรติวิราปกรณ์ สส. พรรคก้าวไกล รับยื่นหนังสือจาก นายเอกชัย หงกังวาล ผู้ร้องเรียน เพื่อขอให้ยกเลิกกิจกรรมหน้าเสาธงในโรงเรียน
วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม 2567 เวลา 11.00 นาฬิกา ณ จุดรับยื่นหนังสือ ชั้น 1 (โซนกลาง) อาคารรัฐสภา นายปารมี ไวจงเจริญ และน.ส.พิมพ์กาญจน์ กีรติวิราปกรณ์ สส. พรรคก้าวไกล รับยื่นหนังสือจาก นายเอกชัย หงกังวาล ผู้ร้องเรียน เพื่อขอให้ยกเลิกกิจกรรมหน้าเสาธงในโรงเรียน เนื่องจากปี พ.ศ.2567 พื้นที่เขตร้อนแถบมหาสมุทรแปชิฟิกเผชิญสภาพอากาศเอลนิญโญ (EI Ninio) ทําให้โซนเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีอุณหภูมิสูงผิดปกติตั้งแต่ ม.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้ไทยเผชิญสภาพอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส วิกฤตอากาศร้อนนี้ยังคงใช้เวลายาวนานอีกหลายเดือน บางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ฟิลิปปินส์ ประกาศหยุดเรียนหลายวันในช่วงปลาย เม.ย. ที่ผ่านมา ในโรงเรียนชั้นประถม – มัธยม เพื่อปกป้องนักเรียนจากอากาศร้อน ขณะที่สัปดาห์หน้าโรงเรียนระดับอนุบาล ประถม มัธยมส่วนใหญ่จะเปิดภาคเรียนที่ 1 โรงเรียนเหล่านี้จะจัดกิจกรรมหน้าเสาธงทุกวันตั้งแต่เวลา 07.45 น. และบังคับให้นักเรียนทุกคนร่วมกิจกรรมนี้ ด้วยสภาพอากาศร้อนจัดอาจทําให้นักเรียนมีความเสี่ยงที่จะเป็นลมเหนื่อยล้าได้ง่าย ร่างกายสูญเสียนํ้าผ่านเหงื่อ ภาวะอุณหภูมิร่างกายสูงเป็นเวลานานอาจทําลายระบบหัวใจ หลอดเลือด ระบบทางเดินหายใจ ตับ ไต ระบบประสาทของนักเรียน รวมทั้ง ยังอาจทําให้นักเรียนเกิดอาการปวดศีรษะ เวียนศีรษะ คลื่นไส้ ง่วงซึม ความผิดปกติทางจิต เกิดอาการชักเมื่อต้องเผชิญกับแสงแดดเป็นเวลานาน ทั้งนี้ กิจกรรมหน้าเสาธงประกอบด้วยการยืนร้องเพลงชาติ การสวดมนต์ ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี กิจกรรมเหล่านี้ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 20 นาที ในแต่ละวัน หากวันใดโรงเรียนมีกล่าวประกาศเวลาของกิจกรรมนี้ก็ยาวนานขึ้นไป แม้จะเป็นเวลาช่วงเช้า แต่อุณหภูมิกลางแดดก็สูงกว่า 35 องศาเซลเซียส ด้วยเหตุนี้จึงขอให้คณะ กมธ.การศึกษา พิจารณาเสนอให้กระทรวงศึกษาธิการมีคําสั่งยกเลิกกิจกรรมหน้าเสาธงเพื่อปกป้องสุขภาพของนักเรียน
นายปารมี ไวจงเจริญ กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า เรื่องดังกล่าวเป็นนโยบายหลักของพรรคก้าวไกล เนื่องจากเห็นว่ากิจกรรมหน้าเสาธงไม่เหมาะกับยุคสมัย ควรเปลี่ยนให้เป็นกิจกรรมที่เข้ากับยุคสมัยอย่างสร้างสรรค์ การปลูกฝังวินัยไม่สัมพันธ์กับกิจกรรมเข้าแถวตอนเช้า ควรเปลี่ยนเป็นคาบที่มีการพูดคุยระหว่างครูกับนักเรียนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันและกัน กิจกรรมที่ทำอยู่ไม่สามารถทำในภาวะโลกร้อนได้ ทั้งนี้ จะรับเรื่องดังกล่าวส่งไปยังคณะ กมธ.การศึกษา และจะเชิญตัวแทนจากกระทรวงการศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนส่วนท้องถิ่นที่ดูแลพื้นที่การศึกษา พิจารณาร่วมกัน
ด้าน น.ส.พิมพ์กาญจน์ กีรติวิราปกรณ์ ในฐานะโฆษกคณะ กมธ.การศึกษา กล่าวว่าประเด็นของการเข้าแถวที่ถูกพูดถึงว่าเป็นการฝึกวินัย แต่ประเทศในโซนยุโรปไม่ได้มีกิจกรรมดังกล่าวแต่เด็กยังคงมีประสิทธิภาพได้ พรรคก้าวไกลจะสนับสนุนในประเด็นนี้ เนื่องจากเราสามารถฝึกวินัยได้หลายแนวทาง ปรับเปลี่ยนรูปแบบกิจกรรมให้สอดคล้องกับยุคสมัย อย่างไรก็ตามจะนำเรื่องนำเรื่องร้องเรียนข้างต้น เข้าสู่คณะการพิจารณาของคณะ กมธ.การศึกษา ขอยืนหยัดว่านักเรียนนักศึกษาจะเรียนดีมีความสุข ตามนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ