ประธานคณะ กมธ.การเกษตรและสหกรณ์ และคณะ แถลงข่าว
วันพุธที่ 5 มิถุนายน 2567 เวลา 13.00 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายศักดินัย นุ่มหนู ประธานคณะ กมธ.การเกษตรและสหกรณ์ และคณะ แถลงข่าวสรุปผลการเดินทางไปศึกษาดูงานและเจรจาธุรกิจในต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 20 - 26 พ.ค.67 ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสาธารณรัฐประชาชนจีน ทั้งนี้การศึกษาดูงานดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเส้นทางการขนส่งสินค้าทางการเกษตรไทยไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและสาธารณรัฐประชาชนจีน พบปะสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าการเกษตร รวมถึงการสร้างโอกาส และยกระดับความสามารถในการส่งออกสินค้าทางการเกษตรให้มีมากขึ้น ซึ่งคณะกมธ.จึงมีข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล ดังนี้
1. ขอให้พิจารณาระบบการขนส่งสินค้าเกษตรอย่างเป็นระบบตั้งแต่ภาคการผลิตสินค้าเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และภาคการขนส่งสินค้าเกษตร เชื่อมต่อกันอย่างเป็นระบบจนถึงปลายทาง รวมทั้งเร่งรัดการดำเนินงานจัดตั้งศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมทั้ง เร่งรัดการก่อสร้างสะพานไทย - ลาว แห่งที่ 2 ให้สำเร็จโดยเร็ว เพื่อเสริมสร้างศักยภาพการค้าและรักษาผลประโยชน์ของชาติในการขนส่งสินค้าไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน
2. ทุเรียนไทยเป็นสินค้าผลไม้ส่งออกอันดับหนึ่งของประเทศ และมีความต้องการบริโภคสูงในสาธารณรัฐประชาชนจีน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งตรวจสอบแก้ไขปัญหาทุเรียนอ่อน คุณภาพทุเรียน สร้างตราสัญลักษณ์และเรื่องราวของทุเรียน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันทุเรียนจากประเทศเวียดนาม
3. ขอให้ลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งให้ต่ำลง เพราะบริการขนส่งทางรางโดยรถไฟถือเป็นทางเลือกของเกษตรกร ในขณะที่ผู้ประกอบการสามารถเลือกช่องทางการขนส่งสินค้าเกษตรในช่องทางอื่นได้
4. ขอให้มีการตรวจสินค้าร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนปิดตู้สินค้าเกษตรตั้งแต่สวนของเกษตรกรซึ่งเป็นการช่วยลดความล่าช้าของการตรวจปล่อยสินค้าเกษตรบริเวณหน้าด่าน
5. ขอให้จัดโซนนิ่งทุเรียนภาคใต้ โดยให้เป็นทุเรียนเพื่อการแปรรูปมากกว่าส่งออก เนื่องจากต้นทุเรียนภาคใต้มีลักษณะสูงใหญ่ทำให้ต้องตัดทุเรียนเร็วและฉีดพ่นสารกำจัดศัตรูพืชไม่ถึงผลที่อยู่ในระดับสูง จึงส่งผลให้มีหนอนในผลทุเรียน และให้ความรู้กับเกษตรกรในการเตรียมดินเพื่อลดปัญหาหนอนทุเรียน
6. กรณีการเจรจานำเข้าเนื้อวัวหรือวัวมีชีวิตของประเทศไทย ขอให้มีการเจรจาในระดับรัฐบาลกลางระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีน ซึ่งจะต้องพิจารณาประเด็นนโยบายของรัฐบาล เกี่ยวกับโรคระบาด ราคาของวัว รวมทั้งพิจารณาถึงมิติอื่น ๆ ได้แก่ การค้าการลงทุน สิ่งแวดล้อม และความมั่นคง ร่วมด้วย
7. ขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ความสำคัญในเรื่องการตรวจสอบสารเคมีตกค้างในสินค้าเกษตรที่สูงกว่ามาตรฐาน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพพลานามัยของผู้บริโภคคนไทยต่อไป