ประธานคณะ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ และคณะ พร้อมด้วยนายทอม แอนดรูว์ส ผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติ ร่วมแถลงข่าวเกี่ยวกับผลการประชุมคณะ กมธ. ในวันนี้ (11 ก.ค. 67)
วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม 2567 เวลา 13.00 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ และคณะ พร้อมด้วยนายทอม แอนดรูว์ส ผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติ
ร่วมแถลงข่าวเกี่ยวกับผลการประชุมคณะ กมธ. ในวันนี้ (11 ก.ค. 67) ซึ่งได้พิจารณาข้อเท็จจริง กรณีสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) เปิดเผยรายงาน Banking on the Death Trade : How Banks and Governments Enable the Military Junta in Myanmar ซึ่งเนื้อหาส่วนหนึ่งอ้างว่าธนาคารในประเทศไทยเป็นผู้ให้บริการทางการเงินหลักให้กับรัฐบาลทหารเมียนมาทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ โดยได้เชิญนายทอม แอนดรูว์ส และผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลต่อ คณะ กมธ. โดย คณะ กมธ.เห็นว่าข้อกล่าวหาในรายงานดังกล่าว มีความรุนแรงและส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะพฤติกรรมอันสุ่มเสี่ยงจะขัดต่อข้อมติของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติว่าด้วยการคว่ำบาตรรัฐบาลทหารเมียนมา และเป็นการสนับสนุนการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศเมียนมาจึงนำมาสู่วาระการพิจารณาของ คณะ กมธ. ในวันนี้ ซึ่งหลังจากการพิจารณาเรื่องดังกล่าว คณะ กมธ. ได้มีมติและข้อคิดเห็น ดังนี้
1. คณะ กมธ. มีความกังวลต่อท่าทีของรัฐบาลและสถาบันทางการเงินของไทย ต่อรายงานฉบับดังกล่าว ซึ่งที่ผ่านมาไม่ได้มีมาตรการตรวจสอบที่ชัดเจน อีกทั้งยังเป็นท่าทีที่ตรงกันข้ามกับมาตรการตรวจสอบเชิงรุกและการกำกับดูแลของรัฐบาลสิงคโปร์ โดยสิ้นเชิง
2. คณะ กมธ. เสนอแนะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาการจัดตั้งคณะทำงานร่วมกับรัฐบาลสิงคโปร์ คุณทอม แอนดูว์ส หรือองค์กรระหว่างประเทศอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดมาตรการตรวจสอบเชิงรุกและแก้ปัญหาความไม่ชัดเจนในเรื่องนี้
3. ขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และผู้เกี่ยวข้องพิจารณาตรวจสอบโดยละเอียดกับ 254 บริษัท ที่ปรากฏในรายงานพิเศษฉบับดังกล่าว พร้อมด้วยอีก 2 บริษัท ที่ปรากฏชื่อในการขายน้ำมันให้กับรัฐบาลทหารเมียนมาเพื่อใช้กับเครื่องบินรบ โดยให้ขอรายงานความคืบหน้ากลับมาภายใน 30 วัน
4. ขอให้กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พิจารณามาตรการที่สามารถดำเนินการได้เพิ่มเติมร่วมกับการพิจารณาข้อห่วงใยของ คณะ กมธ. พร้อมรายงานความคืบหน้ากลับมาภายใน 30 วัน (รายละเอียดตามเอกสารที่แนบ)