นายรอมฎอน ปันจอร์ พร้อมด้วย น.ส.ธิษะณา ชุณหะวัณ สส.พรรคก้าวไกล แถลงข่าวเกี่ยวกับความคืบหน้าคดีตากใบและการเข้าร่วมสังเกตการณ์การไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 19 ก.ค. 67 ที่ศาลจังหวัดนราธิวาส
วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม 2567 เวลา 10.30 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายรอมฎอน ปันจอร์ พร้อมด้วย น.ส.ธิษะณา ชุณหะวัณ สส.พรรคก้าวไกล แถลงข่าวเกี่ยวกับความคืบหน้าคดีตากใบและการเข้าร่วมสังเกตการณ์การไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 19 ก.ค. 67 ที่ศาลจังหวัดนราธิวาส
โดยนับถอยหลังคดีตากใบใกล้จะหมดอายุความลงในวันที่ 25 ต.ค. 67 จากกรณีที่ประชาชนชุมนุมหน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส เรียกร้องให้ปล่อยตัวชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน 6 คน ที่ถูกควบคุมตัวหลังปืนราชการที่อยู่ในความรับผิดชอบสูญหาย นำมาสู่การสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 47 โดยมีผู้เสียชีวิตในที่ชุมนุม 7 คน มีการจับกุมผู้ชุมนุม 1,370 คน ถูกลำเลียงไปค่ายอิงคยุทธบริหาร ทำให้มีผู้เสียชีวิตระหว่างขนย้าย 78 คน รวมแล้วมีผู้เสียชีวิต 85 คน ครั้งนั้นศาลจังหวัดสงขลา ได้อ่านคำสั่งไต่สวนการเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ ซึ่งไม่พบหลักฐานใดที่บ่งชี้ว่าถูกผู้อื่นกระทำการให้เสียชีวิตส่งผลให้ญาติผู้เสียชีวิตได้อุทธรณ์ แล้วศาลมีคำสั่งยกคำร้องทำให้พนักงานสอบสวน และอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องคดีจึงสิ้นสุดลงโดยไม่สามารถเอาผิดกับใครได้ โดยในวันที่ 19 ก.ค. 67 จะลงพื้นที่ไปสังเกตการณ์ การไต่สวนมูลฟ้อง 2 ปาก กรณีตากใบที่เหลือคือ ญาติผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บที่รอดชีวิตว่าศาลจะมีการสั่งฟ้องหรือไม่ คดีนี้ได้รับความสนใจจากสาธารณชน ไม่ใช่เพราะเป็นโศกนาฏกรรมที่ผู้คนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมากเท่านั้น แต่เป็นปมปัญหาที่กระทบสัมพันธภาพระหว่างรัฐกับประชาชน และเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์ ปัจจุบันมีความคืบหน้า 2 สำนวนคดีที่เป็นโอกาสในการพลิกฟื้นกระบวนการยุติธรรมไทยที่เกิดความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดย 2 เส้นทางนี้ในทางเทคนิคแล้วมีกรอบเวลาที่แตกต่างกัน ซึ่งในคดีแรกอาศัยเพียงแค่ขั้นตอนที่อัยการสั่งฟ้องศาลก็จะถือว่าเข้าสู่ขั้นตอนที่ศาลเรียกจำเลยมาตามนัดศาลถือว่านับหนึ่งก่อนอายุความสิ้นสุด ในขณะที่คดีที่สองนั้นต้องให้ศาลมีคำสั่งว่าคดีมีมูลก่อนจึงจะเข้าสู่ขั้นตอนเรียกจำเลยมาศาลซึ่งจะอยู่ในกรอบเวลาของอายุความ ด้วยเหตุนี้ การไต่สวนมูลฟ้องจึงสำคัญอย่างมาก ดังนั้นคดีสำนวนนี้จึงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามและสังเกตการณ์ว่า การพิจารณาของศาลที่ถือเป็นความหวังของผู้คนจะได้รับความยุติธรรมหรือไม่ ในขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสในการล้างมลทินของจำเลยได้ด้วยเช่นกัน พร้อมย้ำว่าการแสวงหาความจริงในกระบวนการยุติธรรมเป็นเรื่องสำคัญเพราะหากจะเดินหน้าต่อไปร่วมกันจำเป็นต้องสร้างฉันทามติ และสร้างสันติภาพด้วยการสะสางความเจ็บปวดในอดีต อย่างไรก็ตาม ในเรื่องดังกล่าว พรรคก้าวไกลมีการพิจารณาร่างกฎหมายใหม่อยู่ในขณะนี้ คือ ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดร้ายแรงต่อสันติภาพและมนุษยชาติ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการกลั่นกรองภายในพรรคและยังไม่สมบูรณ์