รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ให้การรับรอง Hon. Mr. Khilmi ประธานกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาอินโดนีเซีย - ไทย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐสภาไทยและรัฐสภาสาธารณรัฐอินโดนีเซีย
วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม 2567 เวลา 10.00 นาฬิกา ณ ห้องรับรองพิเศษ 205 ชั้น 2 โซนกลาง อาคารรัฐสภา นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ให้การรับรอง Hon. Mr. Khilmi ประธานกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาอินโดนีเซีย - ไทย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐสภาไทยและรัฐสภาสาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยมี น.ส.พิชชา เชื้อเมืองพาน ผู้ช่วยเลขานุการรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง น.ส.สตีจิตร ไตรพิบูลย์สุข รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นายกรกต คงทอง ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานพิธีการทูต นายสราวุธ ช้างแก้ว ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานข้อมูลข่าวสารระหว่างประเทศ ร่วมให้การรับรอง
รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง กล่าวต้อนรับด้วยความความยินดีและกล่าวถึงอาคารรัฐสภาไทยแห่งนี้เพิ่งก่อสร้างแล้วเสร็จ โดยรัฐสภาประกอบด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 500 คน สมาชิกวุฒิสภา 200 คน ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎรจะมีการประชุมทุกวันพุธและวันพฤหัสบดี รัฐสภาไทยและอินโดนีเซียมีความสัมพันธ์อันดีและมีความใกล้ชิดกันมาโดยตลอด มีการแลกเปลี่ยนการเยือนอย่างสม่ำเสมอ ล่าสุดเมื่อเดือนมิถุนายน 2567 นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทย - อินโดนีเซีย เดินทางไปเยือนสาธารณรัฐอินโดนีเซีย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ในระดับสมาชิกรัฐสภาระหว่างกัน นอกจากนี้ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรฯ ยังแสดงความชื่นชมที่อินโดนีเซียสามารถพัฒนาประเทศให้เติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง อีกทั้งยังเป็นประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ พร้อมทั้งแจ้งให้ทราบว่านายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ฝากความระลึกถึงมายังคณะผู้แทนรัฐสภาอินโดนีเซียในวันนี้ และสภาผู้แทนราษฎรไทยยินดีให้การสนับสนุนการดำเนินงานของสภาผู้แทนราษฎรอินโดนีเซียในทุกโอกาสเพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐสภาของทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น หากโอกาสเอื้ออำนวยรองประธานสภาผู้แทนราษฎรฯ จะเดินทางไปเยือนอินโดนีเซีย
ประธานกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาอินโดนีเซีย - ไทย กล่าวขอบคุณที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ความสัมพันธ์ไทย – อินโดนีเซีย ดำเนินมาด้วยดีตลอด 74 ปี ไม่เพียงแต่มีความสัมพันธ์ที่ดีด้านการเมืองและเศรษฐกิจเท่านั้นแต่ยังรวมถึงความสัมพันธ์ด้านสังคม วัฒนธรรม และการศึกษาด้วย อีกทั้งยังมีการลงนามข้อตกลงร่วมกันในด้านต่าง ๆ อาทิ ด้านการศึกษา ความมั่นคง รวมถึงด้านการต่อต้านยาเสพติด ปัจจุบันสาธารณรัฐอินโดนีเซียกับไทยมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 1 และ 2 ของอาเซียน หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 50 ของขนาดเศรษฐกิจทั้งหมดของอาเซียน ในปี 2566 มูลค่าการค้าระหว่างกันมีประมาณ 1.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ และจะได้ส่งเสริมการค้าระหว่างกันให้เพิ่มมากยิ่งขึ้นต่อไปนอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันในเรื่องการเกษตรและผ้าไหมไทย เพื่อที่จะได้มีความร่วมมือและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างกันในอนาคต
เครดิตข่าว : กลุ่มงานข้อมูลข่าวสารระหว่างประเทศ สำนักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร