รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง และคณะ ได้เดินทางไปยังสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล
เมื่อวันอังคารที่ 12 ธันวาคม 2566 เวลา 08.30 นาฬิกา นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง และคณะ ได้เดินทางไปยังสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล และได้พบนายวิชชุ เวชชาชีวะ เอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล โดยเอกอัครราชทูตฯ ได้บรรยายสรุปภาพรวมสถานการณ์ด้านความมั่นคงของเกาหลีใต้ ดังนี้ รัฐบาลเกาหลีใต้ปัจจุบันให้ความสำคัญกับความมั่นคงของประเทศมาก และถือว่าเกาหลีเหนือเป็นภัยคุกคามโดยตรง เนื่องจากเกาหลีเหนือยังคงมีการทดสอบการยิงขีปนาวุธอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นเหตุผลประการหนึ่งที่เกาหลีใต้กระชับความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ซึ่งในขณะเดียวกันก็ทำให้เกาหลีเหนือหันไปกระชับความสัมพันธ์กับจีนและรัสเซียเพิ่มขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้ เกาหลีใต้ก็ให้ความสำคัญกับจีนด้วย เนื่องจากเป็นประเทศคู่ค้าอันดับหนึ่ง และการที่เกาหลีใต้ใกล้ชิดกับจีนจะเป็นช่องทางหนึ่งที่จะทำให้จีนเป็นตัวกลางในการเจรจากับเกาหลีเหนือเพื่อลดความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี จากนั้น คณะและเอกอัครราชทูตฯ ได้หารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องปัญหาแรงงานผิดกฎหมายในเกาหลีใต้ ซึ่งปัจจุบันมีรายงานจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้ โดยระบุว่ามีแรงงานไทยผิดกฎหมายอยู่ในเกาหลีใต้ถึง 150,000 คน ทั้งนี้รัฐบาลเกาหลีใต้ ได้ออกมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยเปิดโอกาสให้แรงงานผิดกฎหมายเข้ามารายงานตัวกับทางรัฐบาลและส่งกลับประเทศโดยไม่ผิดกฎหมายและจะไม่ขึ้นบัญชีดำเพื่อจะได้มีโอกาสกลับมาเกาหลีใต้อีก ซึ่งมาตรการดังกล่าวบังคับใช้ตั้งแต่เดือนกันยายน - ธันวาคม 2566 สำหรับสาเหตุที่มีแรงงานไทยเข้ามาลักลอบทำงานผิดกฎหมาย เนื่องจากได้ค่าแรงสูงถึงประมาณเดือนละ 54,000 - 57,000 บาท สำหรับแรงงานไร้ฝีมือ แต่จะไม่ได้รับการคุ้มครองใด ๆ จากรัฐบาลเกาหลีใต้ และหลายคนมีความเป็นอยู่อย่างลำบาก อย่างไรก็ดี มีการจัดตั้งเครือข่ายคนไทยเพื่อให้การช่วยเหลือกัน
ปัจจุบัน สถานเอกอัครราชทูตฯ ให้ความช่วยเหลือแรงงานที่ตกทุกข์ได้ยากอย่างเต็มที่ แต่มีข้อจำกัดด้วยสถานที่ที่คับแคบ ประกอบกับมีกำลังเจ้าหน้าที่ที่จำกัด ทำให้การให้บริการด้านต่างๆ บางครั้งไม่ทั่วถึงและล่าช้าบ้าง ซึ่งคณะได้รับทราบปัญหาดังกล่าว และยินดีให้การสนับสนุนในด้านการขยับขยายสถานที่และการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
เครดิตข่าว : โดยกลุ่มงานพิธีการทูต สำนักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร