นายพูนศักดิ์ จันทร์จำปี กมธ.การที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะ รับยื่นหนังสือจากนายสุรเดช มณีไพศาลสกุล ผู้แทนประชาชน จ.นครสวรรค์ และคณะ นำโดย นายกฤษฐ์หิรัญ เลิศอุฤทธิ์ภักดี สส.พรรคก้าวไกล เพื่อร้องเรียนกรณีถูกนายทุนออกโฉนดทับที่ดินทำกินของประชาชน จ.นครสวรรค์ โดยมิชอบ และนำมาฟ้องขับไล่ออกจากพื้นที่ที่ทำกินมานานกว่า 30 ปี ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน
วันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม 2567 เวลา 14.30 นาฬิกา ณ จุดรับยื่นหนังสือ ชั้น 1 (โซนกลาง) อาคารรัฐสภา นายพูนศักดิ์ จันทร์จำปี กมธ.การที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะ รับยื่นหนังสือจากนายสุรเดช มณีไพศาลสกุล ผู้แทนประชาชน จ.นครสวรรค์ และคณะ นำโดย นายกฤษฐ์หิรัญ เลิศอุฤทธิ์ภักดี สส.พรรคก้าวไกล เพื่อร้องเรียนกรณีถูกนายทุนออกโฉนดทับที่ดินทำกินของประชาชน จ.นครสวรรค์ โดยมิชอบ และนำมาฟ้องขับไล่ออกจากพื้นที่ที่ทำกินมานานกว่า 30 ปี ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนและขอให้มีการตรวจสอบเอกสารสิทธิการซื้อขายจ่ายโอนที่ดินบริเวณทุ่งเขาพระ ต.หนองบัว อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ จำนวนกว่า 3,000 ไร่ โดยปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากการซื้อขายจ่ายโอนบริเวณทุ่งเขาพระ จำนวนกว่า 3,000 ไร่ ดังกล่าว จนกระทั่งประชาชนผู้ครอบครองทำกินมาตั้งแต่ต้นถูกฟ้องร้องเรื่องบุกรุกขับไล่กันหลายคดีในปัจจุบัน ซึ่งเดิมทีบริเวณที่ดินทุ่งเขาพระนั้นเป็นที่สาธารณะมาก่อน ก่อนจะออกเป็นกฎหมายตามประกาศพระราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 17 ก.ย. 33 ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวประชาชนได้ครอบครองทำกินในบริเวณทุ่งเขาพระทั้งหมดหลายครัวเรือน นับตั้งแต่ปี 2519 เป็นต้นมา โดยครอบครองที่ดินทำกินตกทอดกันเป็นรุ่น ๆ จนต่อมาเมื่อปี 2533 ทางราชการได้ประกาศยกเลิกที่สาธารณะทุ่งเขาพระตามวันประกาศพระราชกิจจานุเบกษา ให้จัดสรรซื้อขายจ่ายแจกแก่ประชาชนผู้ครอบครองทำกินอยู่มาตั้งแต่ต้น จนกระทั่งวันที่ 14 ก.พ. 39 กลับมาออกเอกสารสิทธิเป็นโฉนด และเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 51 ได้มีการโอนซื้อขายกับบุคคลภายนอกโดยไม่ใช่ผู้ครอบครองทำกินอย่างแท้จริง ก่อนจะมีการโอนซื้อขายจ่ายแจกตามลำดับจนเป็นข้อพิพาทในปัจจุบัน จึงต้องการให้คณะ กมธ. ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในการออกเอกสารสิทธิตั้งแต่แรกที่มิชอบด้วยกฎหมายนี้ และให้ความเป็นธรรมกับชาวบ้านด้วย
ด้าน นายพูนศักดิ์ จันทร์จำปี กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า ปัญหาที่ดินเป็นปัญหาใหญ่มีมูลค่าความเสียหายหลายหมื่นล้านบาทที่ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนมาก ซึ่ง กมธ.ไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องดังกล่าว โดยจะนำเข้าสู่การประชุมคณะ กมธ. เพื่อตรวจสอบ และหาแนวทางแก้ไขปัญหาต่อไป