ประธานคณะกมธ. การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน และนายวิทยา แก้วภราดัย ที่ปรึกษาคณะกมธ. แถลงข่าว ผลการประชุมคณะกมธ.
วันพุธที่ 3 เมษายน 2567 เวลา 14.00 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ประธานคณะกมธ. การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน และนายวิทยา แก้วภราดัย ที่ปรึกษาคณะกมธ. แถลงข่าวผลการประชุมคณะกมธ. ในการติดตามความคืบหน้ากรณีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสกับผู้ได้รับผลกระทบในเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่หน้าสถานีตำรวจภูธรตากใบ และการติดตามความคืบหน้ากรณีการจับกุมกลุ่มหลอกลวงผู้เสียหายทางโทรศัพท์ หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในพื้นที่อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช
สำหรับผลการพิจารณาเรื่องร้องเรียนกรณีการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส กับผู้ได้รับผลกระทบในเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่หน้าสถานีตำรวจภูธรตากใบที่อาจไม่ได้รับความเป็นธรรม คณะกมธ.ได้รับเรื่องร้องเรียนจากมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม ขอให้ตรวจสอบกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าคุกคามญาติผู้สูญเสียจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมหน้าสถานีตำรวจภูธรตากใบเพื่อให้ปากคำและให้ลงนามในเอกสาร รวมถึงเจรจาเรื่องเงินเยียวยาคดีเหตุการณ์ดังกล่าวหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงว่า การเชิญบุคคลมาให้ปากคำได้ดำเนินการผ่านผู้นำท้องถิ่นในการประสานผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ปากคำตามคดีอาญาที่ 13/2567 โดยมีการให้ค่าตอบแทนตามระเบียบ เจ้าหน้าที่ตำรวจอาจมีการแต่งกายนอกเครื่องแบบ และอาจมีการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน ส่งผลให้ประชาชนเกิดความไม่เข้าใจ ดังนั้น จะดำเนินการปรับปรุงเพื่อให้ประชาชนคลายความกังวลใจ ทั้งนี้ ยืนยันว่าการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นไปตามกฎหมายเพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหาย ในการนี้ คณะกมธ.เห็นควรให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 วรรคสาม ในกรณีที่มีความตายเกิดขึ้นในระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ สำหรับการเชิญผู้เสียหายมาให้ปากคำได้ขอให้นายอาดิลัน อาลีอิสเฮาะในฐานะทนายความมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม เป็นผู้ประสานงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อสร้างความเข้าใจและการสื่อสารที่ตรงกัน จะได้ไม่เกิดความเข้าใจผิดเหมือนเช่นที่ผ่านมา
ส่วนการติดตามความคืบหน้ากรณีกรณีการจับกุมกลุ่มผู้กระทำผิดฉ้อโกงและหลอกลวงผู้เสียหายทางโทรศัพท์ หรือแก็งคอลเซ็นเตอร์ (Call Center Gang) ในพื้นที่อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 2 มี.ค.67 ที่ผ่านมา ตามที่ปรากฏเป็นข่าว นับเป็นรายใหญ่ที่สุดเท่าที่พบในประเทศไทย โดยสามารถจับกุมชาวต่างชาติที่ร่วมกันกระทำผิด รวมถึงตรวจยึดหลักฐานได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจมีความเชื่อมโยงกับนักการเมืองในพื้นที่และนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ตามที่ปรากฎเป็นข่าว แต่ในปัจจุบันกรณีดังกล่าวกลับเงียบหายไปและยังไม่สามารถขยายผลการจับกุมไปถึงตัวการใหญ่ได้ คณะกมธ.จึงขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินคดีเพื่อสืบสวนขยายผลอย่างตรงไปตรงมาถึงตัวการที่เชื่อมโยง หากไม่มีความคืบหน้า คณะกมธ.จะนำกรณีดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาเพื่อติดตามผลการดำเนินคดีโดยจะเชิญบุคคลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมต่อไป