ประชุมคณะ กมธ.การต่างประเทศ ครั้งที่ 21 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน 2567 เวลา 10.00 นาฬิกา ณ ห้องประชุม N 407 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา นายนพดล ปัทมะ ประธานคณะ กมธ. การต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมคณะ กมธ. ครั้งที่ 21 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อพิจารณาศึกษาการเดินทางไปศึกษาดูงานเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐเกาหลี และประเทศญี่ปุ่น
ทั้งนี้ คณะ กมธ. ยังได้ประชุมหารือถึงสถานการณ์ในเมียนมา โดยมีการประชุมหารือเรื่องนี้มาแล้วหลายครั้ง ซึ่งคณะ กมธ. ได้ให้ความสำคัญประเด็นดังกล่าวเป็นอย่างมาก พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด ในการประชุมครั้งนี้คณะ กมธ. เห็นว่าสถานการณ์เปลี่ยนแปลงเป็นลำดับ และอาจมีผลกระทบต่อประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน จึงได้มีคำแถลง ดังนี้
๑. เรียกร้องให้มีการปล่อยนักโทษทางการเมืองตามฉันทามติ ๕ ข้อ ของอาเซียน ตามที่มีข่าวปรากฏว่า นางออง ซาน ซูจี อดีตที่ปรึกษาแห่งรัฐเมียนมา และ นายวิน มินต์ อดีตประธานาธิบดีเมียนมา ถูกย้ายจากเรือนจำไปยังบ้านพัก ซึ่ง กมธ. เห็นว่าเป็นพัฒนาการที่ดี อย่างไรก็ตาม กมธ. ขอเรียกร้องให้มีการปล่อยนักโทษทางการเมืองรวมทั้ง นางออง ซาน ซูจี และนายวิน มินต์ ตามแนวทางของฉันทามติ ๕ ข้อของอาเซียนเพื่อสร้างความสมานฉันท์ในเมียนมา
๒. เพิ่มการช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ชาวเมียนมา กมธ. ขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยและอาเซียน เพิ่มการช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ชาวเมียนมา และกลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบให้มากขึ้น เพื่อให้การช่วยเหลือถึงมือประชาชนทุกกลุ่มอย่างทั่วถึงเท่าเทียม นอกจากนั้นควรเพิ่มบทบาทองค์กรเอกชนและเครือข่ายประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งควรเปิดรับการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจากทุกภาคส่วนไปยังผู้ได้รับผลกระทบโดยเร็ว
๓. ปรับนโยบายแรงงานต่างด้าวให้ทันต่อสถานการณ์ กมธ. เรียกร้องให้ปรับนโยบายด้านแรงงานต่างด้าวให้ทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศเมียนมา เนื่องจากคาดการณ์ได้ว่าจะมีผู้อพยพหนีภัยการสู้รบและการเกณฑ์ทหารในเมียนมาข้ามแดนมายังประเทศไทยเป็นจำนวนมาก โดยอาจพิจารณาการลงทะเบียนแรงงานต่างด้าวครั้งใหม่ เป็นต้น
๔. เสนอไทยเป็นหัวหอกผลักดันการเจรจาสันติภาพเมียนมาอย่างจริงจัง กมธ. เห็นว่าการแก้ปัญหาเมียนมาควรแก้ที่ต้นเหตุ จึงเสนอให้ไทยเป็นหัวหอกผลักดันการเจรจาสันติภาพในเมียนมาอย่างจริงจังต่อเนื่องและเป็นระบบผ่านกลไกทรอยก้าพลัส ร่วมกับอาเซียน จีน อินเดีย เพื่อสร้างสันติภาพ เอกภาพ และเสถียรภาพทางการเมืองในเมียนมาอย่างยั่งยืนต่อไป