รองประธานคณะ กมธ.การอุตสาหกรรม คนที่สอง แถลงข่าว กรณีเหตุไฟไหม้ที่ถังเก็บสารเคมีของโรงงานแห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 67
วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม 2567 เวลา 10.00 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา น.ส.กมนทรรศน์ กิตติสุนทรสกุล รองประธานคณะ กมธ.การอุตสาหกรรม คนที่สอง แถลงข่าว กรณีเหตุไฟไหม้ที่ถังเก็บสารเคมีของโรงงานแห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 67 ที่ผ่านมา เป็นการไหม้ที่ถังบรรจุสารเคมีขนาดความจุ 9,000 ลบ.ม. ซึ่งในวันที่เกิดเหตุไฟไหม้ ไฟได้เริ่มลุกและมีควันดำพุ่งขึ้นมาตั้งแต่เวลา 10.30 น. และสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้เวลาประมาณ 20.00 น. จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 3 ราย และมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงบาดเจ็บ 2 ราย ซึ่งขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่สูญเสียจากเหตุการณ์ดังกล่าว และขอเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทุกคน รวมทั้งขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน เจ้าหน้าที่นักผจญเพลิงทุกท่านที่ได้ทุ่มเทระงับเหตุกันอย่างเต็มกำลัง เต็มความสามารถ จนสามารถระงับเหตุได้ที่สุด ทำให้ทราบถึงอุปสรรคปัญหาหลายประการในการควบคุมเพลิง รวมถึงการแจ้งภาวะฉุกเฉิน การสื่อสารกับประชาชนที่ล่าช้า ไม่ชัดเจน ทำให้เกิดความสับสน กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ การเฝ้าระวังคุณภาพอากาศ และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพของประชาชนจากหน่วยงานได้เป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ จุดตรวจวัดคุณภาพอากาศสอดคล้องกับทิศทางลมหรือไม่ เพราะทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบด้านสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น การระคายเคือง แสบตา แสบคอ เวียนศีรษะ อาเจียนจากกลิ่นเหม็น กว่าร้อยคน แต่ตัวเลขการตรวจคุณภาพอากาศหลังจากที่มีไฟไหม้ ยังแจ้งว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ แม้ทางผู้บริหารของโรงงานดังกล่าวจะได้ออกมาแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยินดีที่จะชดเชยเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด แต่ควรมีการทบทวนร่วมกันถึงเรื่องการปรับปรุงแผนการป้องกันเหตุ การประเมินความเสี่ยง แผนฉุกเฉิน แผนเผชิญเหตุ แผนอพยพประชาชน แผนการสื่อสารกับประชาชนและสื่อมวลชน รวมถึงแผนการฟื้นฟูเยียวยาต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง สำหรับ จ.ระยอง ถูกประกาศให้เป็นเขตควบคุมมลพิษตั้งแต่ปี 2552 แล้ว แต่จำนวนโรงงานมีเพิ่มมากขึ้นทุกปี ดังนั้น จะได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การประชุมของคณะ กมธ. โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืนต่อไป