ประธานคณะ กมธ.การเกษตรและสหกรณ์ และ เลขานุการคณะ กมธ. รับข้อเสนอเกี่ยวกับการจัดสรรนมโรงเรียน จากนายสมพงษ์ ภูพานเพชร ประธานชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย และคณะ
วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน 2567 เวลา 13.30 นาฬิกา ณ จุดรับยื่นหนังสือ ชั้น 1 (โซนกลาง) อาคารรัฐสภา นายศักดินัย นุ่มหนู ประธานคณะ กมธ.การเกษตรและสหกรณ์ และ น.ส.ญาณธิชา บัวเผื่อน เลขานุการคณะ กมธ. รับข้อเสนอเกี่ยวกับการจัดสรรนมโรงเรียน จากนายสมพงษ์ ภูพานเพชร ประธานชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย และคณะ
โดยชุมนุมสหกรณ์โคนมฯ ได้นำเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับมาตรฐานนมโรงเรียนที่ประกาศโดยคณะกรรมการอาหารและยากระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมไม่ได้เป็นผู้กำหนดหรือขอลดมาตรฐานนมโรงเรียน จึงขอให้คณะ กมธ. สนับสนุน ดังนี้
1. สนับสนุนหลักเกณฑ์นมโรงเรียนปี 2567 เนื่องจากเป็นหลักเกณฑ์ที่ทำให้พี่น้องเกษตรกรภาคสหกรณ์ยังอยู่ได้ในอาชีพนี้ สหกรณ์เป็นผู้ดูแลเกษตรกรโดยตรง ผลประกอบการที่ได้ก็นำไปเป็นปันผลให้กับพี่น้องเกษตรกร กำไรในสหกรณ์ไม่ได้เข้ากระเป๋าคนใดคนหนึ่ง แต่กลับคืนไปให้กับพี่น้องเกษตรกรร้อยละ 100 เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรทางตรง หากภาคสหกรณ์อยู่รอด เกษตรกรก็จะอยู่รอดได้
2. ระบบโลจิสติกส์ซึ่งหลักเกณฑ์ขณะนี้ยังอยู่ในลักษณะการแบ่งกลุ่มพื้นที่ทำให้การส่งนมเป็นไปได้ยาก จึงขอให้ช่วยปรับแก้ไขระบบโลจิสติกส์เพื่อให้พี่น้องเกษตรกรสามารถจัดส่งนมโรงเรียนให้นักเรียนได้ดื่มนม
3. ราคากลางน้ำนมดิบ ขณะนี้มีการประกาศปรับขึ้นราคาน้ำนมดิบ 2.25 บาท ราคาขึ้นกล่องละ 46 สตางค์ ซึ่งในกลุ่มผู้ประกอบการ โดยเฉพาะภาคสหกรณ์มีต้นทุน ไม่ว่าจะเป็น ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าดำเนินการต่าง ๆ แต่เพื่อให้นโยบายของรัฐอยู่ได้และไม่เป็นภาระงบประมาณแผ่นดินมากเกินไป จำนวนที่ขอเพิ่มขึ้นมา 700 กว่าล้านบาท ใน 1 ปีการศึกษา เพื่อประคองให้ผู้ประกอบการได้มีอาชีพ เมื่อดูจากตลาดนมกระทรวงพาณิชย์มีการปรับขึ้นราคาผลิตภัณฑ์ไปแล้วกล่องละ 50 สตางค์ ดังนั้น ในส่วนของนมโรงเรียนขอปรับขึ้นเพียง 46 สตางค์ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการให้อยู่ได้
โอกาสนี้ ชุมนุมสหกรณ์โคนมฯ ได้มอบผลิตภัณฑ์จากสหกรณ์โคนม เพื่อแสดงความขอบคุณที่คณะ กมธ. ให้ความช่วยเหลือภาคสหกรณ์ในเรื่องที่เคยมาเรียกร้องในประเด็นการจัดสรรโควตานมโรงเรียนเพื่อให้ช่วยจัดสิทธินมโรงเรียนร้อยละ 50 ซึ่งทางชุมนุมสหกรณ์โคนมฯ ต้องปกป้องโควตาเพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมให้สามารถประกอบอาชีพต่อไป เพราะในอดีตที่ผ่านมาเมื่อปี 2558 ภาคสหกรณ์เคยได้รับสิทธิและพื้นที่นมโรงเรียนประมาณครึ่งหนึ่ง หลังจากนั้นมามีการลดลงด้วยเหตุปัจจัยหลายอย่าง หากไม่ปกป้องพื้นที่ดังกล่าวไว้เกษตรกรจะล้มหายตายจากไป ขณะนี้ได้รับโควตาร้อยละ 50 แล้ว จึงได้พาเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมทั่วประเทศมาขอบคุณและต้องการให้ช่วยให้ได้โควตาร้อยละ 50 ตลอดไป เพื่อทำให้อาชีพโคนมเป็นอาชีพที่ยั่งยืน
นายศักดินัย นุ่มหนู กล่าวว่า เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 67 สมาคมผู้ประกอบการโคนมภาคเอกชนได้มายื่นหนังสือต่อคณะ กมธ. เพื่อขอให้ช่วยพิจารณาทบทวนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของนม เมื่อมีการเผยแพร่ข่าวออกไปทำให้พี่น้องชุมนุมสหกรณ์โคนมฯ มีความไม่สบายใจต้องการมาพบคณะ กมธ. เพื่อให้ข้อเท็จจริงและข้อเรียกร้องต่อคณะ กมธ. เช่นกัน เนื่องจากทางชุมนุมสหกรณ์โคนมฯ มีประเด็นที่เห็นต่างจากที่ภาคเอกชนเสนอ คณะ กมธ. เป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชน เป็นเวทีในการรับประเด็นข้อเสนอ ข้อร้องเรียนจากทุกฝ่าย สำหรับข้อเรียกร้องของชุมนุมสหกรณ์โคนมฯ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของการรักษาสัดส่วนนมโรงเรียน ราคานมโรงเรียน ที่น่าจะต้องมีการปรับปรุง รวมถึงระบบโลจิสติกส์เพื่อความสะดวกในการบริหารจัดการขนส่งของกลุ่มพี่น้องชุมนุมสหกรณ์โคนมฯ ทางคณะ กมธ. ยินดีที่จะรับข้อเสนอและพูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องทุกคนต่อไป ชุมนุมสหกรณ์เป็นการรวมตัวของภาคประชาชนเพื่อประชาชน เพื่อพี่น้องเกษตรกร ตนคิดว่าเป็นองค์กรกลไกที่สำคัญในการช่วยเหลือสนับสนุนให้พี่น้องเกษตรกรมีความเติบโตและเข้มแข็ง ในส่วนคณะ กมธ. ยินดีที่จะเป็นพื้นที่ และเป็นเวทีกลางที่ทุกท่านได้เข้ามาพูดคุยและหาข้อสรุปร่วมกัน