รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง มอบหมายให้ นายพงษ์สรณัฐ ทองลี เลขานุการรองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง รับยื่นหนังสือ จากนายวงกรต ผึ้งทอง ตัวแทนประชาชนในพื้นที่บ้านตำหรุ ต.บางปูใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ
วันอังคารที่ 25 มิถุนายน 2567 เวลา 13.00 นาฬิกา ณ จุดรับยื่นหนังสือ ชั้น 1 (โซนกลาง) อาคารรัฐสภา นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง มอบหมายให้ นายพงษ์สรณัฐ ทองลี เลขานุการรองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง รับยื่นหนังสือ จากนายวงกรต ผึ้งทอง
ตัวแทนประชาชนในพื้นที่บ้านตำหรุ ต.บางปูใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ เรื่อง ขอให้ตรวจสอบผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2538
ด้วยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2538 เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อสำรวจตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริง รวมทั้งการแก้ไขปัญหาการบุกรุก การออกเอกสารสิทธิเกี่ยวกับที่ดินสาธารณะ ที่ได้พระราชทานไว้ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อสาธารณประโยชน์และการระบายน้ำ ซึ่งคณะกรรมการได้รายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2538 และเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2538 สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้มีหนังสือแจ้งมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2538 ไปยังกระทรวงมหาดไทย กรมที่ดิน กรมชลประทาน และกรมธนารักษ์ ให้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบของกรมที่ดินและกรมธนารักษ์ ปรากฏว่าพื้นที่เขตคลองตามประกาศกระแสร์พระบรมราชโองการฯ ในแต่ละจังหวัดไม่มีการออกโฉนดหรือเอกสารสิทธิ เว้นแต่ จ.สมุทรปราการ ได้มีการออกโฉนดในแนวเขตคลองตามประกาศกระแสร์พระบรมราชโองการฯ ให้แก่ เอกชนรวม 3 โฉนด เนื้อที่รวม 45-0-142 ไร่ ซึ่งกรมธนารักษ์กำลังดำเนินการตามกฎหมายเพื่อเพิกถอนโฉนดดังกล่าว อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบติดตามข้อเท็จจริง ไม่ปรากฏความคืบหน้าในการดำเนินการของหน่วยงานราชการให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีแต่ประการใด จนเวลาล่วงเลยมา 30 ปี ในฐานะปวงชนชาวไทยมีหน้าที่ในการรักษาผลประโยชน์ของชาติ และที่ดินอันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน เพื่อประโยชน์ต่อสาธารณชนโดยรวม จึงขอให้รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ดำเนินการตรวจสอบและติดตาม ผลการดำเนินการให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2538 และเร่งรัดการเพิกถอนโฉนดที่ดินแปลงนี้โดยด่วน เพราะที่ดินดังกล่าวเป็นสมบัติของชาติและสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในราชการและเพื่อประโยชน์ต่อสาธารณชนได้
นายพงษ์สรณัฐ ทองลี กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ไว้ใจให้สภาผู้แทนราษฎรได้ตรวจสอบและค้นหาข้อเท็จจริง สำหรับเรื่องดังกล่าวหากเป็นเรื่องจริงจะถือว่าเป็นการออกโฉนดที่ดินทับซ้อนที่ น.ส.ล. หรือที่ดินหลวงจึงควรพิจารณาสอบหาข้อเท็จจริงต่อไป