โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ. .... แถลงถึงผลการประชุมคณะกรรมาธิการฯ
วันศุกร์ที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๒ เวลา ๑๕.๒๕ นาฬิกา ณ บริเวณชั้น ๔ อาคารรัฐสภา เกียกกาย
นายคารม พลพรกลาง โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ. .... แถลงถึง
ผลการประชุมคณะกรรมาธิการฯ ในวันนี้ โดยกล่าวว่ามีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก และจะสามารถ
ดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๒ โดยไม่ต้องขอขยายระยะเวลา ในส่วนของ
การพิจารณาร่าง พ.ร.ป. นั้น ที่ประชุมมีข้อสรุป ดังนี้
- การเสนอร่าง พ.ร.ป. ต้องมีการเสนอรายงานการรับฟังความคิดเห็น และวิเคราะห์ผลกระทบ
ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาพร้อมหลักการ เหตุผล และบันทึกวิเคราะห์สรุปสาระสำคัญของ
ร่าง พ.ร.ป. ด้วย
- กรณีขอแก้ไขเพิ่มเติมเล็กน้อย จะต้องไม่มีผลทำให้หลักการ หรือสาระของร่าง พ.ร.ป.
เปลี่ยนไป
- การนับระยะเวลาในการพิจารณา ภายในระยะเวลา ๑๘๐ วัน ให้นับตั้งแต่วันที่ประธานรัฐสภา
บรรจุระเบียบวาระการประชุมรัฐสภา
- การพิจารณา พ.ร.ป. ที่เกี่ยวกับเงิน ให้เป็นอำนาจของที่ประชุมร่วมกันของประธานสภาผู้แทน
ราษฎร และประธานคณะกรรมาธิการสามัญทุกคณะของสภาผู้แทนราษฎรวินิจฉัย
- การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.ป. ที่ประธานรัฐสภาวินิจฉัยว่ามีสาระ
สำคัญเกี่ยวกับเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ หรือคนพิการ หรือทุพพลภาพ ให้ตั้งจากบุคคลประเภท
ดังกล่าว หรือผู้แทนองค์กรเอกชนที่ทำงานเกี่ยวกับบุคคลประเภทนั้นโดยตรงร่วมเป็นกรรมาธิการ
วิสามัญด้วยไม่น้อยกว่า ๑ ใน ๓ ของจำนวนกรรมาธิการวิสามัญทั้งหมด ทั้งนี้ ที่ประชุมมีข้อสังเกต
เพิ่มเติมว่าการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญควรมีผู้แทนจากกลุ่มชาติพันธุ์และกลุ่มเพศสภาพร่วมด้วย
- ประเด็นประธานรัฐสภาส่งร่าง พ.ร.ป. ที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว ไปยังศาลฎีกา
ศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง แต่องค์กรดังกล่าวเห็นว่า ร่างนั้นมีข้อขัดแย้งต่อ
รัฐธรรมนูญ หรือทำให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ให้ถูกต้องตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญได้ ให้เสนอ
ความเห็นมายังรัฐสภาพิจารณา และควรระบุความเห็นให้ชัดเจนว่ามีข้อความหรือมาตราใดที่ทำ
ให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ให้ถูกต้องได้