น.ส.ผ่องศรี ธาราภูมิ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวว่า สืบเนื่องจากการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม 2565 ณ อาคารรัฐสภา น.ส.ผ่องศรี ธาราภูมิ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวว่า สืบเนื่องจากการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในเช้าวันนี้ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในการประชุม หลังจากผ่านช่วงเวลาที่เปิดให้มีการปรึกษาหารือเรื่องปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้ว เมื่อเปิดการประชุมและเข้าสู่วาระการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การเข้าชื่อเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. .... ซึ่งเป็นวาระพิจารณาร่างกฎหมาย ที่เป็นการพิจารณาต่อเนื่องมาจากการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันพุธที่ 23 พ.ย. 65 โดยในการประชุมดังกล่าว เมื่อถึงขั้นตอนการลงมติให้ความเห็นชอบมาตรา 9/1 ซึ่งเป็นมาตราที่กรรมาธิการเสียงข้างน้อย ที่มีทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลเสนอเพิ่มขึ้นใหม่ โดยกรรมาธิการเสียงส่วนใหญ่ไม่เห็นชอบให้เพิ่ม เมื่อมีการขอมติและปรากฏผลออกมาได้มีสมาชิกหลายท่าน โดยเฉพาะผู้ประสานงานพรรคได้หารือในที่ประชุมและแจ้งกับประธานว่า มีความผิดหลงในการลงมติด้วยความเข้าใจคลาดเคลื่อนจึงขอให้มีการลงมติใหม่อีกครั้ง ซึ่งนายชวน หลีกภัย ประธานในที่ประชุมได้พิจารณาด้วยเหตุผลแล้ว เห็นว่ามีผู้ลงมติผิดหลงจริงซึ่งเป็นความผิดหลงที่อาจเกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ท่านประธานไม่ได้ใช้อำนาจวินิจฉัยด้วยตนเองเพียงลำพัง แต่ได้ปรึกษาหารือในที่ประชุมตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 พร้อมกับแจ้งให้ที่ประชุมให้ความเห็นว่าจะเห็นชอบให้ลงมติใหม่หรือไม่ ซึ่งที่ประชุมเมื่อวันที่ 23 พ.ย. 65 ได้ลงมติเห็นชอบให้ลงมติมาตรา 9/1 ใหม่ ด้วยคะแนน 202 เสียง ไม่เห็นด้วย 16 เสียง งดออกเสียง 10 เสียง ไม่ลงคะแนน 14 เสียง ซึ่งฝ่ายค้านก็ร่วมเป็นองค์ประชุมและร่วมออกเสียงด้วย ตามผลที่ปรากฏจึงเป็นที่ยุติว่าเสียงส่วนใหญ่ของที่ประชุมเห็นชอบให้ลงมติใหม่ ต่อจากนั้นที่ประชุมในวันนั้นจึงดำเนินการถึงขั้นตอนการลงมติใหม่ ซึ่งสมาชิกได้แสดงตนครบองค์ประชุมก่อนลงมติแล้วด้วย แต่เมื่อถึงขั้นตอนการลงมติองค์ประชุมกลับไม่พร้อมที่จะลงมติได้ ขั้นตอนจึงค้างการพิจารณามาถึงวันนี้ ดังนั้น ข้อสงสัยเรื่องขั้นตอนการลงมติมาตรา 9/1 ใหม่ จึงเป็นที่ยุติไปแล้วว่าไม่เกี่ยวกับการที่องค์ประชุมไม่ครบในวันนี้ ดังนั้น หากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกฝ่ายให้ความร่วมมือในการประชุม ก็จะทำให้การทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งวาระการประชุมสภาฯ ยังมีร่างกฎหมายอีกหลายฉบับที่รอการพิจารณาจึงขอความร่วมมือมายังทุกฝ่ายโดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาลร่วมมือกัน เพื่อให้การทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติสามารถเดินหน้าต่อไปได้