คณะผู้แทนรัฐสภาไทยเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา ครั้งที่ 150 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงทาชเคนต์ สาธารณรัฐอุซเบกิสถาน เป็นวันที่สี่


                   วันอังคารที่ 8 เมษายน 2568 คณะผู้แทนรัฐสภาไทย นำโดยนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนรัฐสภาไทย พร้อมด้วย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นางสาวสรัสนันท์ อรรณนพพร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายชวภณ วัธนเวคิน สมาชิกวุฒิสภา นางสาววิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายกัณวีร์ สืบแสง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้ช่วยศาสตราจารย์นพดล อินนา สมาชิกวุฒิสภา นายอนุชา บูรพชัยศรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และนายอัคร ทองใจสด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ร่วมด้วยนายศศิวัฒน์ ว่องสินสวัสดิ์ เอกอัครราชทูตประจำสาธารณรัฐอุซเบกิสถาน (ถิ่นพำนัก ณ กรุงมอสโก) เข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา ครั้งที่ 150 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง (The 150th IPU Assembly and related meetings) ระหว่างวันที่ 5-9 เมษายน 2568 ณ ศูนย์การประชุม Tashkent City Congress Centre กรุงทาชเคนต์ สาธารณรัฐอุซเบกิสถาน เป็นวันที่สี่ โดยสรุปภารกิจของคณะผู้แทนรัฐสภาไทย ได้ดังนี้
                   1. การประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภาในวันที่สี่ ที่ประชุมได้รับฟังการกล่าวถ้อยแถลงของผู้แทนจากประเทศสมาชิกในช่วงการอภิปรายทั่วไป (General Debate) กลุ่มผู้อภิปรายในลำดับที่สองของคณะผู้แทนที่มิได้มีตำแหน่งเป็นประธานรัฐสภา (List C) และกลุ่มผู้อภิปรายที่เป็นสมาชิกยุวสมาชิกรัฐสภา (List D) ซึ่งได้รับการจัดสรรเวลาสำหรับกล่าวถ้อยแถลงประเทศละ 2 นาที ภายใต้หัวข้อหลักของการประชุมสมัชชาในครั้งนี้คือ “Parliamentary action for social development and justice” โดยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงในนามยุวสมาชิกรัฐสภาของไทย มีใจความสำคัญว่า รัฐสภาไทยยังคงมุ่งมั่นส่งเสริมความยุติธรรมทางสังคม ผ่านการดำเนินงานด้านนิติบัญญัติและการใช้อำนาจติดตามกำกับตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็นการเสนอกฎหมายเพื่อคุ้มครองสิทธิและยกระดับสวัสดิการของผู้ใช้แรงงานทั้งแรงงานไทยและแรงงานข้ามชาติ ในบริบทที่คนงานก่อสร้างเป็นกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์ภัยพิบัติแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อปลายเดือนมีนาคม 2568 รวมถึง ด้านการกระจายอำนาจด้านการศึกษาไปสู่ท้องถิ่น ตลอดจนกฎหมายห้ามลงโทษเด็กด้วยความรุนแรงซึ่งเพิ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ที่ผ่านมานี้
                       ต่อมา ในช่วง Special Accountability Segment ของการประชุมสมัชชา คณะผู้แทนรัฐสภาไทยได้ร่วมกับประเทศสมาชิกอีก 16 ประเทศ นำเสนอการดำเนินการเพื่อปฏิบัติตามข้อมติที่ผ่านมาของสหภาพรัฐสภา โดยนายอนุชา บูรพชัยศรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้นำเสนอให้ที่ประชุมสมัชชารับทราบถึงการดำเนินการของไทยในการปฏิบัติตามข้อมติ “Partnership for climate action: Promoting access to affordable green energy, and ensuring innovation, responsibility and equity” ซึ่งได้รับการรับรองในห้วงการประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา ครั้งที่ 148 เมื่อเดือนมีนาคม 2567 โดยได้นำเสนอตัวอย่างของความก้าวหน้าของประเทศไทยในการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสีเขียว ได้แก่ 1) การมุ่งสู่แหล่งพลังงานหมุนเวียน ให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 50 ภายในปี 2583 2) ไทยตั้งเป้าหมายในการเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคในการผลิตยานยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) โดยวางเป้าหมายให้ร้อยละ 30 ของรถยนต์ที่ผลิตในประเทศไทยจะต้องเป็น EV ภายในปี 2573 และ 3) เครื่องมือด้านเงินทุนใหม่ ๆ เพื่อสนับสนุนโครงการสีเขียว อาทิ การขยายตลาดคาร์บอนเครดิต การออกพันธบัตรส่งเสริมความยั่งยืน (ตราสารหนี้สีเขียว) และการจัดกลุ่มทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อสนับสนุนการลงทุนสีเขียวของไทย
                   2. นายกัณวีร์ สืบแสง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทย เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการสามัญสหภาพรัฐสภาว่าด้วยสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ ในวาระที่สี่ เมื่อเวลา 14.30 น. ณ ห้อง Opera Hall ซึ่งเป็นการประชุมนัดสุดท้าย โดยที่ประชุมได้พิจารณาร่างข้อมติว่าด้วย Two-States solution in Palestine ที่ได้ผ่านการแก้ไขเนื้อหาเป็นเวลาสองวันตามที่ได้รับข้อเสนอขอแก้ไขจำนวนมากจากประเทศสมาชิก แต่เนื่องจากยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันอย่างมากในหมู่ประเทศสมาชิกต่อร่างข้อมติฉบับที่แก้ไขแล้วดังกล่าวจนไม่สามารถหาข้อยุติได้ เพื่อเป็นการหาทางออกที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ ที่ประชุมจึงได้ลงคะแนนเสียงด้วยมติ 47 ประเทศเห็นชอบ โดยไม่มีประเทศใดคัดค้านให้กลับไปใช้ร่างข้อมติฉบับแรกเริ่มที่เสนอโดย rapporteurs เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เสนอเข้าสู่ที่ประชุมสมัชชาเพื่อพิจารณารับรองในวันที่ 9 เม.ย. 68 ต่อไป
                   3. ผศ. นพดล อินนา สมาชิกวุฒิสภา ได้เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการสามัญสหภาพรัฐสภาว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ในวาระที่สาม เมื่อเวลา 17.00 นาฬิกา ณ Opera Hall โดยที่ประชุมได้ร่วมกันลงมติในขั้นสุดท้ายเพื่อรับรองร่างข้อมติตามที่ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาแก้ไขแล้วในหัวข้อ ”Parliamentary strategies to mitigate the long-lasting impact of conflicts, including armed conflicts, on sustainable development” พร้อมทั้งเห็นชอบข้อเสนอหัวข้อใหม่ที่จะจัดทำเป็นร่างข้อมติของคณะกรรมาธิการสามัญฯ ในอนาคต ได้แก่ บทบาทของรัฐสภาในการต่อสู้กับลัทธิปกป้องทางการค้า กำแพงภาษีและการหลีกเลี่ยงภาษี ตามที่เสนอโดย Bureau ของคณะกรรมาธิการฯ
                   4. นายอนุชา บูรพชัยศรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการสามัญสหภาพรัฐสภาว่าด้วยประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน (IPU Standing Committee on Democracy and Human Rights) ซึ่งมีวาระพิจารณาการติดตามการดำเนินการของรัฐสภาประเทศสมาชิกตามข้อมติของสหภาพรัฐสภาในปีที่ผ่านมา หัวข้อ “The impact of artificial intelligence on democracy, human rights and the rule of law” ซึ่งนายอนุชาฯ ได้ร่วมนำเสนอการดำเนินการของประเทศไทยในการปฏิบัติตามข้อมติดังกล่าวต่อที่ประชุม ด้วยการอภิปรายแลกเปลี่ยนแบบโต้ตอบสด (interactive discussion) ซึ่งได้รับความสนใจจากที่ประชุม โดยหลังจากเสร็จสิ้นการประชุม มีผู้แทนจากหลายประเทศเข้ามาแสดงความชื่นชมการอภิปรายของไทยในการนี้ด้วย
                   5. นางสาวสรัสนันท์ อรรณนพพร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทย ได้เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการสามัญสหภาพรัฐสภาว่าด้วยกิจการสหประชาชาติ (IPU Standing Committee on UN Affairs) เมื่อเวลา 9.30 นาฬิกา ณ Opera Hall ซึ่งเป็นการประชุมวาระที่สอง โดยนางสาวสรัสนันท์ฯ ได้ร่วมอภิปรายต่อที่ประชุมถึงท่าทีของไทยในฐานะประเทศหุ้นส่วนของกลุ่ม BRICS (BRICS partner) ในการอภิปรายหัวข้อ “The growing role of the BRICS in international relations: What impact for the UN?”
                   6. นางสาววิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยเข้าร่วมการประชุมสหภาพรัฐสภาสตรี (Forum of Women Parliamentarians) เมื่อเวลา 14.30-15.00 นาฬิกา และเวลา 16.30 - 17.30 นาฬิกา ณ Hilton Hotel Ballroom โดยที่ประชุมได้มีมติรับรองสมาชิกใหม่ของคณะกรรมาธิการสหภาพรัฐสภาสตรีที่ได้รับการเสนอชื่อจากกลุ่มภูมิรัฐศาสตร์ต่าง ๆ โดยประเทศที่เป็นสมาชิกใหม่ได้แก่ โกตดิวัวร์ บอตสวานา จอร์แดน ซาอุดีอาระเบีย มัลดีฟส์ อินเดีย รัสเซีย สาธารณรัฐโดมินิกัน เอกวาดอร์ ตุรกี และยูเครน
                   7. นางสาววิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการสหภาพรัฐสภาสตรี (Bureau of Women Parliamentarians) เมื่อเวลา 15.00-16.00 นาฬิกา ณ ห้อง Concert Hall ในฐานะกรรมาธิการสหภาพรัฐสภาสตรี ที่ประชุมได้จัดการเลือกตั้งตำแหน่งประธาน และรองประธานคณะกรรมาธิการสหภาพรัฐสภาสตรี โดย Ms. C. Lopez Castro (เม็กซิโก) ได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานต่อเป็นสมัยที่สอง และ Ms. T. Vardanyan (อาร์เมเนีย) และ Ms. F. Oncu (ตุรกี) ได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองประธานตามลำดับ
                   8. นายกัณวีร์ สืบแสง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะสมาชิกกรรมาธิการสหภาพรัฐสภาว่าด้วยการส่งเสริมการเคารพกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ เข้าร่วมการประชุมเปิด (open session) ของคณะกรรมาธิการสหภาพรัฐสภาว่าด้วยการส่งเสริมการเคารพกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ เมื่อเวลา 11.00-13.00 นาฬิกา ณ ห้อง Concert Hall พร้อมทั้งได้ร่วมอภิปรายแสดงความคิดเห็นต่อที่ประชุมในหัวข้อ “The Role of parliaments in tackling the effects of armed conflicts on children” ด้วย
                   9. เมื่อเวลา 16.30 นาฬิกา คณะผู้แทนรัฐสภาไทยนำโดยนางสาวสรัสนันท์ อรรณนพพร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎรเข้าพบปะหารือทวิภาคีกับคณะผู้แทนรัฐสภาญี่ปุ่น นำโดย Ms. Michiko Ueno สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะรองหัวหน้าคณะผู้แทนรัฐสภาญี่ปุ่น และเลขาธิการกลุ่มความร่วมมือญี่ปุ่น-อาเซียน วุฒิสภาญี่ปุ่น ณ โรงแรม Inspira โดยทั้งสองฝ่ายได้เน้นย้ำถึงความสัมพันธ์พิเศษของไทย-ญี่ปุ่นที่ลึกซึ้งแน่นแฟ้นในทุกมิติและทุกระดับ และจะร่วมกันเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 140 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันในปี 2570 โดยโครงการหนึ่งผลิตภัณฑ์-หนึ่งตำบล หรือ OTOP ของไทยก็ได้รับแรงบันดาลใจจาก OVOP ซึ่งเป็นโครงการต้นแบบที่ประสบความสำเร็จของญี่ปุ่น พร้อมกันนั้น ได้หารือถึงความเป็นไปได้ในการขยายความร่วมมือระหว่างกันในด้านต่าง ๆ อาทิ ความร่วมมือในด้านวิชาการว่าด้วยการรับมือกับภัยพิบัติแผ่นดินไหวซึ่งญี่ปุ่นมีความเชี่ยวชาญ การขยายตัวด้านการท่องเที่ยวระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง และการมุ่งผลิตยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจนของญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน ในบริบทที่โลกปัจจุบันกำลังเผชิญกับการใช้มาตรการกำแพงภาษีตอบโต้กันระหว่างประเทศมหาอำนาจที่หลายฝ่ายกังวลว่าอาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำครั้งใหญ่ โดยทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องว่ากลุ่มประเทศอาเซียนรวมถึงญี่ปุ่นจะต้องผนึกกำลังกันอย่างเหนียวแน่นเพื่อรับมือกับแนวโน้มของสงครามการค้าที่กำลังทวีความรุนแรง โดยฝ่ายไทยได้ใช้โอกาสนี้ อวยพรให้ญี่ปุ่นประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรม World EXPO ปี 2568 ณ โอซากา-คันไซ โดยไทยจะร่วมจัดแสดงซุ้มศาลาไทย (Thai pavilion) ในงาน EXPO2025 ด้วย
                   อนึ่ง คณะผู้แทนรัฐสภาไทยได้เข้าร่วมกิจกรรมด้านวัฒนธรรม (cultural evening) ที่จัดโดยประเทศเจ้าภาพ ณ Central Asia Expo Center (CAEx) กรุงทาชเคนต์ ในช่วงค่ำด้วย
 
เครดิตภาพและข่าว :
ฝ่ายเลขานุการคณะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา ครั้งที่ 150
กลุ่มงานสหภาพรัฐสภา
สำนักองค์การรัฐสภาระหว่างประเทศ
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร


เจ้าภาพการประชุม

● สมัชชาใหญ่สหภาพลูกเสือรัฐสภาโลกครั้งที่ 9

○ ข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรการประชุม
○ ข้อมูลการประชุมสมัชชาใหญ่สหภาพลูกเสือรัฐสภาโลก ครั้งที่ผ่านมา
○ ข้อมูลการเตรียมการเป็นเจ้าภาพของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ

● การประชุมประจำปีรัฐสภาภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก (APPF) ครั้งที่ 30

○ ข้อมูลเกี่ยวกับกรอบการประชุมรัฐสภาภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก
○ ข้อมูลการประชุมประจำปี APPF ครั้งล่าสุด 5 ปี

○ ข้อมูลการเตรียมการเป็นเจ้าภาพของรัฐสภาไทยในการจัดประชุมประจำปีรัฐสภาภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ 30


○ ข้อมูลการประชุมประจำปีรัฐสภาภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ 30

● คณะกรรมาธิการว่าด้วยสังคมและวัฒนธรรมของสมัชชารัฐสภาเอเชีย

○ ภูมิหลังสมัชชารัฐสภาอาเซียน
○ ข้อมูลประเทศไทย
○ กฎบัตรและข้อบังคับการประชุม APA
○ คณะกรรมการเตรียมการประชุมฯ APA
○ ภาพกิจกรรมของคณะผู้แทนไทย