ประเทศ ญี่ปุ่น
ข่าวประจำวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๖๕
หมวด การเมือง
นายฟุมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้กล่าวในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติว่าความน่าเชื่อถือของสหประชาชาติกำลังอยู่ในภาวะวิกฤติ เนื่องมาจากรัสเซียซึ่งเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้ทำการรุกรานยูเครน จึงได้ชี้ให้เห็นความจำเป็นในการเริ่มต้นเจรจาเพื่อปฏิรูปคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
นายคิชิดะ ได้กล่าวในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ณ สำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติในนครนิวยอร์กเมื่อช่วงเช้าวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๖๕ ตามเวลาประเทศญี่ปุ่น
โดยในตอนต้น นายคิชิดะได้มีการชี้ให้เห็นว่าการที่รัสเซียรุกรานยูเครนทำให้รากฐานของระเบียบโลกที่ก่อตั้งขึ้นมาโดยมีองค์การสหประชาชาติเป็นศูนย์กลางตลอด ๗๗ ปีนั้นเกิดความสั่นคลอนและยังได้กล่าวโทษรัสเซียอีกว่าเป็นการกระทำที่ละเมิดปรัชญาและหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ
นอกจากนี้ยังได้กล่าวอีกว่าตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องร่วมแรงร่วมใจเพื่อกลับไปยังอุดมคติและหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ และเพื่อการนั้นจึงจำเป็นต้องมีการปฏิรูปองค์การสหประชาชาติ และเสริมสร้างหน้าที่ของสหประชาชาติ
สำหรับประเด็นที่ทำให้ความน่าเชื่อถือขององค์การสหประชาชาติกำลังอยู่ในภาวะวิกฤติเนื่องมาจากรัสเซียที่เป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้ทำการรุกรานยูเครน โดยได้ชี้ให้เห็นว่าสิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติของการรักษาความมั่นคงหลายต่อหลายครั้ง จึงถึงเวลาที่จะเริ่มต้นการเจรจาโดยใช้คำพูดเป็นพื้นฐานในการปฏิรูป
ทั้งยังได้เน้นความสำคัญของหลักนิติธรรม ซึ่งญี่ปุ่นเองก็จะดำเนินการเพื่อเสริมสร้างหลักนิติธรรมในฐานะสมาชิกชั่วคราวของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่จะเป็นตั้งแต่เดือนมกราคมปีหน้า เนื่องจากความมั่นคงของผู้คนถูกคุกคามโดยการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ และเงินเฟ้อ ญี่ปุ่นจึงมีความตั้งใจที่จะพัฒนา “การตระหนักถึงความมั่นคงของมนุษย์” ร่วมกับสหประชาชาติ
นอกจากนี้ได้มีการกล่าวถึงเอกสารฉบับสุดท้ายที่ไม่ได้รับการรับรองเนื่องจากการคัดค้านของรัสเซียในการประชุมเพื่อทบทวนสนธิสัญญาป้องกันการแพร่ขยายอาวุธนิวเคลีย(Treaty on the Non-Proliferation of Nuclear Weapons) ที่จัดขึ้นก่อนหน้านี้ว่า ตนมีความรู้สึกเสียใจแต่จะไม่ยอมแพ้ในการทำให้โลกนี้เป็นโลกที่ปราศจากอาวุธนิวเคลียร์เกิดขึ้นจริง ด้วยจิตสำนึกแห่งประวัติศาสตร์ในฐานะประเทศที่เป็นเหยื่อจากอาวุธนิวเคลียร์ในสงคราม
อีกด้านหนึ่ง นายคิชิดะได้พูดเกี่ยวกับปัญหาการลักพาตัวโดยเกาหลีเหนือที่มีการรับรู้มาถึง ๒๐ปีแล้วนั้น จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายในการแก้ปัญหาที่ครอบคลุมปัญหาในเรื่องการลักพาตัว อาวุธนิวเคลียร์ และขีปนาวุธ และได้แสดงความตั้งใจที่จะเผชิญหน้ากับประธานาธิบดีคิมจองอึนโดยไม่มีเงื่อนไข
สุดท้ายนี้นายคิชิดะได้เน้นย้ำถึงความคาดหวังอันแรงกล้าที่ญี่ปุ่นมีต่อสหประชาชาติเนื่องจากตอนนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนทางประวัติศาสตร์ แม้ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปแต่สิ่งที่จะไม่เปลี่ยนแปลงคือปรัชญาและหลักการของสหประชาชาติ จึงตัดสินใจที่จะเดินบนเส้นทางเพื่อสนับสนุนสหประชาชาติด้วยความเชื่อมั่นนั้น
ที่มาของข่าว : https://www3.nhk.or.jp/news/html/20220921/k10013829021000.html
ผู้แปล : นางสาวกษมน ฉัตรธรรมพร นักวิเทศสัมพันธ์ปฏิบัติการ
กลุ่มงานภาษาภาษาญี่ปุ่นและเกาหลี
ผู้ทาน นางสาวศิรสา ชลายนานนท์ นักวิเทศสัมพันธ์เชี่ยวชาญ
กลุ่มงานภาษาอังกฤษ
ผู้ตรวจ : นางสาวกฤษณี มาศรีจันทร์ ผู้อำนวยการสำนักภาษาต่างประเทศ
สำนักภาษาต่างประเทศ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร