การเปลี่ยนแปลงของภาครัฐบาลที่มีต่อบุหรี่ไฟฟ้า
ประเทศ เครือรัฐออสเตรเลีย
ข่าวประจำวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๖๖
หมวด สังคม
อุปกรณ์สูบบุหรี่ที่มีสีสันและแวววาวซึ่งมีลักษณะและรสชาติเหมือนลูกกวาด ได้สร้าง "ผู้ติดนิโคตินรุ่นใหม่” ตามที่ มาร์ค บัตเลอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ให้คำมั่นว่าจะปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าที่ผิดกฎหมาย
รัฐบาลออสเตรเลียประกาศกฎระเบียบที่เข้มข้นขึ้นต่อการใช้บุหรี่ไฟฟ้า โดยกำลังมุ่งสู่ความเคลื่อนไหวเพื่อปิดช่องโหว่ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ในการดูแลสุขภาพของชาวออสเตรเลีย
แต่อะไรคือสิ่งที่เปลี่ยนแปลง ทุกคนพร้อมแล้วหรือไม่ และรัฐบาลจะบังคับใช้อย่างไร
ขณะนี้บุหรี่ไฟฟ้าจะมีจำหน่ายเฉพาะในร้านขายยาเท่านั้น แทนที่จะเป็นร้านค้าปลีกและจะต้องมีบรรจุภัณฑ์และรสชาติธรรมดา
นายบัตเลอร์กล่าวว่า "บุหรี่ไฟฟ้าควรจะมีการบรรจุหีบห่อเหมือนเวชภัณฑ์ ดังนั้นพวกเขาจะต้องนำเสนอแบบนั้น"
"จะไม่มีบรรจุภัณฑ์ที่มีกลิ่นหมากฝรั่ง หรือมียูนิคอร์นสีชมพูอีกต่อไป"
รัฐบาลยังคงตระหนักว่ามีการใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่มีนิโคตินผสม เพื่อช่วยผู้สูบบุหรี่ให้เลิกบุหรี่ได้ในระยะยาวและด้วยเหตุนี้จึงอนุญาตให้แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปทั้งหมดจัดหาข้อบ่งชี้สำหรับผู้ป่วยเพื่อใช้บุหรี่ไฟฟ้า หากต้องการ
ปัจจุบันมีแพทย์เพียง ๑ ใน ๒๐ คนเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้สั่งจ่ายบุหรี่ไฟฟ้าให้แก่คนไข้และนายบัตเลอร์บอกว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลง
เริ่มแรกเขาประสงค์จะให้เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อการบำบัด ที่ช่วยให้ผู้ที่ไม่สามารถเลิกนิสัยการสูบบุหรี่ได้
แต่นายบัตเลอร์กล่าวเตือนในขณะที่มันไม่ได้ขายเพื่อเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสันทนาการ ว่านั่นคือสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งที่อธิบายได้ว่าเป็น "ช่องโหว่ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศออสเตรเลีย"
สถิติแสดงให้เห็นว่า วัยรุ่นจาก ๑ ใน ๖ ที่มีอายุระหว่าง ๑๔-๑๗ ปีใช้บุหรี่ไฟฟ้า ในขณะที่ผู้ที่มีอายุระหว่าง ๑๘-๒๔ ปีใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพียงร้อยละ ๒๕
มูลนิธิด้านสุราและยาเสพติด ตั้งข้อสังเกตว่าผู้คนจำนวนมากในปัจจุบันที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าในประเทศออสเตรเลียกำลังใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีการควบคุม และเรา "ไม่รู้" ว่ามีอะไรอยู่ในบุหรี่นั้น รวมถึงว่ามีนิโคตินหรือไม่
บุหรี่ไฟฟ้าที่ผิดกฎหมายนั้นยากที่จะจับสังเกตได้มากกว่าผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น ยาสูบ เนื่องจากมีขนาดเล็กและไม่ค่อยมีกลิ่น
นายบัตเลอร์กล่าวว่าเขาจะสนับสนุนรัฐและเขตอาณา เพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าหน้าที่มีทรัพยากรที่เหมาะสม เพื่อให้มั่นใจว่าร้านสะดวกซื้อจะไม่ทำผิดกฎหมายและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างผิดกฎหมาย
แต่เขาตั้งข้อสังเกตว่ามันไม่ง่าย "ความคิดที่ว่าเราจะเอาคนรุ่นใหม่มาเสี่ยง สร้างผู้ติดนิโคตินรุ่นใหม่ ไม่ไปแตะต้องสิ่งที่อยู่เหนือเรา ถึงมันจะยากแต่เราตั้งใจทำมัน"
นอกเหนือจากมาตรการกำจัดบุหรี่ไฟฟ้าแล้ว รัฐบาลยังจะใช้จ่ายเงินเพื่อการศึกษาและการสนับสนุนโดยงบประมาณรวมจำนวน ๓๐ ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียสำหรับโครงการสนับสนุน เพื่อช่วยให้ชาวออสเตรเลียเลิกบุหรี่ไฟฟ้าและจำนวน ๖๓ ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียสำหรับการรณรงค์ระดับชาติโดยใช้ข้อมูลที่มีหลักฐาน
นายปีเตอร์ ดัตตัน ผู้นําฝ่ายค้าน กล่าวด้วยว่า ฝ่ายค้านจะสนับสนุนมาตรการลดอัตราการใช้บุหรี่ไฟฟ้า โดยกล่าวว่าเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องได้รับการแก้ไข
เป็นที่น่าสังเกตว่า แนวร่วมได้แยกทางกันมานานแล้วในประเด็นนี้ โดยมีผู้สนับสนุนบางคนผลักดันให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกต้องตามกฎหมาย
นายแมตต์ คานาวาน วุฒิสมาชิก กล่าวว่ารัฐบาลได้พยายามแล้วแต่ล้มเหลวในการจำกัดการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในอดีตที่ผ่านมา
"วิธีการกำจัดตลาดมืดคือการสร้างตลาดที่ถูกต้องตามกฎหมายและมีการควบคุม"
"ในขณะนี้พวกเรามีปัญหากับตลาดมืดในบุหรี่ไฟฟ้า และไม่มีจำนวนตำรวจที่เพียงพอ ไม่มีทรัพยากรของรัฐที่จะกำจัดตลาดมืดนั้นได้เช่นเดียวกับที่ไม่สามารถใช้กับยาเสพติดอื่น ๆ ได้"
บางกลุ่มอุตสาหกรรมไม่พอใจกับมาตรการดังกล่าว – สมาคมร้านสะดวกซื้อแห่งออสเตรเลียให้เหตุผลว่าควรขายบุหรี่ไฟฟ้าเหมือนกับบุหรี่ทั่วไป
แต่รายการที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอบีซี เวลา ๗.๓๐ นาฬิกา ปรากฏว่านายบัตเลอร์ได้กล่าวว่าผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าที่มีนิโคตินไม่จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลทางการแพทย์แห่งชาติ เพื่อให้แพทย์สั่งจ่ายยา โดยให้เหตุผลว่าจะเป็น "กระบวนการที่ยาวนานและยากลำบาก"
เขากล่าวว่าผลิตภัณฑ์จะต้องเป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพ เช่น มีนิโคตินจำนวนหนึ่ง ปราศจากสารเคมีที่คณะกรรมาธิการควบคุมดูแลผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพของออสเตรเลียระบุว่าเป็นอันตราย และบางสิ่งที่เจอในบุหรี่ไฟฟ้าก่อนหน้านี้กำหนดให้มีการปรุงแต่งและการนำเสนอรูปลักษณ์แบบธรรมดา
"หากบางกลุ่มอุตสาหกรรมที่กล่าวมานั้นสามารถปฏิบัติตามมาตรฐานเหล่านั้นได้ และแพทย์สามารถกำหนดให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์สำหรับการบำบัด เพื่อเลิกบุหรี่หรือเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ติดนิโคติน นั่นคือจะสามารถนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าได้ แต่ในร้านขายยาเท่านั้น"
นอกจากนี้สมาคมการแพทย์ออสเตรเลียยังให้เหตุผลว่าการบังคับใช้กฎระเบียบใหม่และการปราบปรามตลาดมืดจะเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพ โดยให้เหตุผลว่ารัฐบาลและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทั่วประเทศออสเตรเลียจะต้อง "ระมัดระวัง" และทำงานร่วมกัน
ที่มาของข่าว : https://www.abc.net.au/news/2023-05-03/vaping-changes-australia-how-will-it-work/102294626
ข่าวประจำวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๖๖
หมวด สังคม
อุปกรณ์สูบบุหรี่ที่มีสีสันและแวววาวซึ่งมีลักษณะและรสชาติเหมือนลูกกวาด ได้สร้าง "ผู้ติดนิโคตินรุ่นใหม่” ตามที่ มาร์ค บัตเลอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ให้คำมั่นว่าจะปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าที่ผิดกฎหมาย
รัฐบาลออสเตรเลียประกาศกฎระเบียบที่เข้มข้นขึ้นต่อการใช้บุหรี่ไฟฟ้า โดยกำลังมุ่งสู่ความเคลื่อนไหวเพื่อปิดช่องโหว่ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ในการดูแลสุขภาพของชาวออสเตรเลีย
แต่อะไรคือสิ่งที่เปลี่ยนแปลง ทุกคนพร้อมแล้วหรือไม่ และรัฐบาลจะบังคับใช้อย่างไร
อะไรที่เปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งแรก
รัฐบาลกำหนดห้ามการนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าที่ไม่มีใบสั่งแพทย์ (บุหรี่ไฟฟ้าที่ไม่ควรมีนิโคตินอยู่ในนั้น) และยังห้ามใช้บุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งขณะนี้บุหรี่ไฟฟ้าจะมีจำหน่ายเฉพาะในร้านขายยาเท่านั้น แทนที่จะเป็นร้านค้าปลีกและจะต้องมีบรรจุภัณฑ์และรสชาติธรรมดา
นายบัตเลอร์กล่าวว่า "บุหรี่ไฟฟ้าควรจะมีการบรรจุหีบห่อเหมือนเวชภัณฑ์ ดังนั้นพวกเขาจะต้องนำเสนอแบบนั้น"
"จะไม่มีบรรจุภัณฑ์ที่มีกลิ่นหมากฝรั่ง หรือมียูนิคอร์นสีชมพูอีกต่อไป"
รัฐบาลยังคงตระหนักว่ามีการใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่มีนิโคตินผสม เพื่อช่วยผู้สูบบุหรี่ให้เลิกบุหรี่ได้ในระยะยาวและด้วยเหตุนี้จึงอนุญาตให้แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปทั้งหมดจัดหาข้อบ่งชี้สำหรับผู้ป่วยเพื่อใช้บุหรี่ไฟฟ้า หากต้องการ
ปัจจุบันมีแพทย์เพียง ๑ ใน ๒๐ คนเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้สั่งจ่ายบุหรี่ไฟฟ้าให้แก่คนไข้และนายบัตเลอร์บอกว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลง
ทำไมรัฐบาลถึงดำเนินการเคลื่อนไหวเรื่องนี้
หากให้พูดแบบง่ายๆคือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพของประชาชนตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้กล่าวไว้เริ่มแรกเขาประสงค์จะให้เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อการบำบัด ที่ช่วยให้ผู้ที่ไม่สามารถเลิกนิสัยการสูบบุหรี่ได้
แต่นายบัตเลอร์กล่าวเตือนในขณะที่มันไม่ได้ขายเพื่อเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสันทนาการ ว่านั่นคือสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งที่อธิบายได้ว่าเป็น "ช่องโหว่ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศออสเตรเลีย"
สถิติแสดงให้เห็นว่า วัยรุ่นจาก ๑ ใน ๖ ที่มีอายุระหว่าง ๑๔-๑๗ ปีใช้บุหรี่ไฟฟ้า ในขณะที่ผู้ที่มีอายุระหว่าง ๑๘-๒๔ ปีใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพียงร้อยละ ๒๕
มูลนิธิด้านสุราและยาเสพติด ตั้งข้อสังเกตว่าผู้คนจำนวนมากในปัจจุบันที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าในประเทศออสเตรเลียกำลังใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีการควบคุม และเรา "ไม่รู้" ว่ามีอะไรอยู่ในบุหรี่นั้น รวมถึงว่ามีนิโคตินหรือไม่
รัฐบาลจะบังคับใช้เรื่องนี้อย่างไร
รายละเอียดเหล่านั้นยังอยู่ระหว่างการสรุป แต่รัฐบาลกล่าวว่าจะตรวจสอบให้มั่นใจว่ามี "การควบคุมที่รัดกุม" ภายในพรมแดนของประเทศเพื่อกำจัดตลาดมืดที่เกิดขึ้นบุหรี่ไฟฟ้าที่ผิดกฎหมายนั้นยากที่จะจับสังเกตได้มากกว่าผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น ยาสูบ เนื่องจากมีขนาดเล็กและไม่ค่อยมีกลิ่น
นายบัตเลอร์กล่าวว่าเขาจะสนับสนุนรัฐและเขตอาณา เพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าหน้าที่มีทรัพยากรที่เหมาะสม เพื่อให้มั่นใจว่าร้านสะดวกซื้อจะไม่ทำผิดกฎหมายและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างผิดกฎหมาย
แต่เขาตั้งข้อสังเกตว่ามันไม่ง่าย "ความคิดที่ว่าเราจะเอาคนรุ่นใหม่มาเสี่ยง สร้างผู้ติดนิโคตินรุ่นใหม่ ไม่ไปแตะต้องสิ่งที่อยู่เหนือเรา ถึงมันจะยากแต่เราตั้งใจทำมัน"
นอกเหนือจากมาตรการกำจัดบุหรี่ไฟฟ้าแล้ว รัฐบาลยังจะใช้จ่ายเงินเพื่อการศึกษาและการสนับสนุนโดยงบประมาณรวมจำนวน ๓๐ ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียสำหรับโครงการสนับสนุน เพื่อช่วยให้ชาวออสเตรเลียเลิกบุหรี่ไฟฟ้าและจำนวน ๖๓ ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียสำหรับการรณรงค์ระดับชาติโดยใช้ข้อมูลที่มีหลักฐาน
ปฏิกิริยาคืออะไร
ไม่น่าแปลกใจที่การประกาศดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานด้านสุขภาพระดับสูงหลายแห่งที่เรียกร้องให้มีการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเข้มงวดมากขึ้น เช่น มูลนิธิด้านสุราและยาเสพติด สมาคมการแพทย์ออสเตรเลีย วิทยาลัยศึกษาแพทย์ทั่วไปในพระราชินูปถัมภ์แห่งออสเตรเลีย และสภามะเร็งนายปีเตอร์ ดัตตัน ผู้นําฝ่ายค้าน กล่าวด้วยว่า ฝ่ายค้านจะสนับสนุนมาตรการลดอัตราการใช้บุหรี่ไฟฟ้า โดยกล่าวว่าเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องได้รับการแก้ไข
เป็นที่น่าสังเกตว่า แนวร่วมได้แยกทางกันมานานแล้วในประเด็นนี้ โดยมีผู้สนับสนุนบางคนผลักดันให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกต้องตามกฎหมาย
นายแมตต์ คานาวาน วุฒิสมาชิก กล่าวว่ารัฐบาลได้พยายามแล้วแต่ล้มเหลวในการจำกัดการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในอดีตที่ผ่านมา
"วิธีการกำจัดตลาดมืดคือการสร้างตลาดที่ถูกต้องตามกฎหมายและมีการควบคุม"
"ในขณะนี้พวกเรามีปัญหากับตลาดมืดในบุหรี่ไฟฟ้า และไม่มีจำนวนตำรวจที่เพียงพอ ไม่มีทรัพยากรของรัฐที่จะกำจัดตลาดมืดนั้นได้เช่นเดียวกับที่ไม่สามารถใช้กับยาเสพติดอื่น ๆ ได้"
บางกลุ่มอุตสาหกรรมไม่พอใจกับมาตรการดังกล่าว – สมาคมร้านสะดวกซื้อแห่งออสเตรเลียให้เหตุผลว่าควรขายบุหรี่ไฟฟ้าเหมือนกับบุหรี่ทั่วไป
ขั้นตอนต่อไปคืออะไร
กลุ่มต่าง ๆ เช่น สมาคมการแพทย์ออสเตรเลียต้องการให้บุหรี่ไฟฟ้าได้รับการขึ้นทะเบียนโดย คณะกรรมาธิการควบคุมดูแลผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพของออสเตรเลีย เพื่อให้แน่ใจว่าได้รับการประเมินความปลอดภัยและประเมินคุณภาพแต่รายการที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอบีซี เวลา ๗.๓๐ นาฬิกา ปรากฏว่านายบัตเลอร์ได้กล่าวว่าผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าที่มีนิโคตินไม่จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลทางการแพทย์แห่งชาติ เพื่อให้แพทย์สั่งจ่ายยา โดยให้เหตุผลว่าจะเป็น "กระบวนการที่ยาวนานและยากลำบาก"
เขากล่าวว่าผลิตภัณฑ์จะต้องเป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพ เช่น มีนิโคตินจำนวนหนึ่ง ปราศจากสารเคมีที่คณะกรรมาธิการควบคุมดูแลผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพของออสเตรเลียระบุว่าเป็นอันตราย และบางสิ่งที่เจอในบุหรี่ไฟฟ้าก่อนหน้านี้กำหนดให้มีการปรุงแต่งและการนำเสนอรูปลักษณ์แบบธรรมดา
"หากบางกลุ่มอุตสาหกรรมที่กล่าวมานั้นสามารถปฏิบัติตามมาตรฐานเหล่านั้นได้ และแพทย์สามารถกำหนดให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์สำหรับการบำบัด เพื่อเลิกบุหรี่หรือเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ติดนิโคติน นั่นคือจะสามารถนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าได้ แต่ในร้านขายยาเท่านั้น"
นอกจากนี้สมาคมการแพทย์ออสเตรเลียยังให้เหตุผลว่าการบังคับใช้กฎระเบียบใหม่และการปราบปรามตลาดมืดจะเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพ โดยให้เหตุผลว่ารัฐบาลและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทั่วประเทศออสเตรเลียจะต้อง "ระมัดระวัง" และทำงานร่วมกัน
ที่มาของข่าว : https://www.abc.net.au/news/2023-05-03/vaping-changes-australia-how-will-it-work/102294626
ผู้แปล : นางสาวรุจิราภรณ์ คำหลง นักวิเทศสัมพันธ์ปฏิบัติการ
กลุ่มงานภาษาอังกฤษ
ผู้ทาน นางสาวศิรสา ชลายนานนท์ นักวิเทศสัมพันธ์เชี่ยวชาญ
กลุ่มงานภาษาอังกฤษ
ผู้ตรวจ : นางสาวกฤษณี มาศรีจันทร์ ผู้อำนวยการสำนักภาษาต่างประเทศ
สำนักภาษาต่างประเทศ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
กลุ่มงานภาษาอังกฤษ
ผู้ทาน นางสาวศิรสา ชลายนานนท์ นักวิเทศสัมพันธ์เชี่ยวชาญ
กลุ่มงานภาษาอังกฤษ
ผู้ตรวจ : นางสาวกฤษณี มาศรีจันทร์ ผู้อำนวยการสำนักภาษาต่างประเทศ
สำนักภาษาต่างประเทศ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
เกี่ยวกับเรา
● วีดีทัศน์แนะนำ 3 สำนักฯ
○ สำนักองค์การรัฐสภาระหว่างประเทศ○ สำนักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
○ สำนักภาษาต่างประเทศ
นานาสาระด้านต่างประเทศ
● รัฐสภาไทยกับองค์การรัฐสภาระหว่างประเทศ
● ข่าวต่างประเทศ
● การจัดการความรู้ (KM)
● บทความและงานแปล
● คําศัพท์รัฐสภา
● คู่มือการดำเนินงานของ 3 สำนัก
● จดหมายข่าว GOPAC
เจ้าภาพการประชุม
● สมัชชารัฐสภาอาเซียน ครั้งที่ 40
● สมัชชาใหญ่สหภาพลูกเสือรัฐสภาโลกครั้งที่ 9
○ ข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรการประชุม○ ข้อมูลการประชุมสมัชชาใหญ่สหภาพลูกเสือรัฐสภาโลก ครั้งที่ผ่านมา
○ ข้อมูลการเตรียมการเป็นเจ้าภาพของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
● การประชุมประจำปีรัฐสภาภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก (APPF) ครั้งที่ 30
○ ข้อมูลเกี่ยวกับกรอบการประชุมรัฐสภาภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก○ ข้อมูลการประชุมประจำปี APPF ครั้งล่าสุด 5 ปี
○ ข้อมูลการเตรียมการเป็นเจ้าภาพของรัฐสภาไทยในการจัดประชุมประจำปีรัฐสภาภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ 30
○ ข้อมูลการประชุมประจำปีรัฐสภาภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ 30
● คณะกรรมาธิการว่าด้วยสังคมและวัฒนธรรมของสมัชชารัฐสภาเอเชีย
○ ภูมิหลังสมัชชารัฐสภาอาเซียน○ ข้อมูลประเทศไทย
○ กฎบัตรและข้อบังคับการประชุม APA
○ คณะกรรมการเตรียมการประชุมฯ APA
○ ภาพกิจกรรมของคณะผู้แทนไทย
● การประชุม AIPA Caucus ครั้งที่ 13
ฐานข้อมูลการประชุมรัฐสภาระหว่างประเทศ
● การติดตามผลการดำเนินงานตามข้อมติ
○ ข้อมติด้านการเมือง○ ข้อมติด้านเศรษฐกิจ
○ ข้อมติด้านสังคม
○ ข้อมติด้านอื่น ๆ
○ เอกสารผลลัพธ์การประชุม
● ข้อมติการประชุมรัฐสภาระหว่างประเทศ
● SDGs
○ ข้อมูลทั่วไป○ เอกสารสุดท้ายของการประชุม
○ บทอภิปรายในวาระต่าง ๆ
● ข้อบังคับหน่วยประจำชาติไทย
กลุ่มมิตรภาพ
● ใบสมัครสมาชิกกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทยระหว่างประเทศ
● แบบฟอร์มการเปลี่ยนแปลง/แก้ไขสมาชิกภาพของสมาชิกกลุ่มมิตรภาพฯ
● แบบฟอร์มขอลาออกจากตำแหน่งในคณะกรรมการบริหารกลุ่มมิตรภาพ
● คู่มือกลุ่มมิตรภาพ
● แผ่นพับกลุ่มมิตรภาพ
● ข้อมูลกลุ่มมิตรภาพ
● แบบฟอร์มต่างๆ
● รายชื่อประธาน/คณะกรรมการบริหารกลุ่มมิตรภาพ
● ข่าวและกิจกรรมของกลุ่มมิตรภาพ
● อื่นๆ
ความสัมพันธ์รัฐสภาระดับทวิภาคี
● การเยี่ยมคารวะของบุคคลสำคัญชาวต่างชาติ
● รายงานการเดินทางเยือนต่างประเทศ
○ ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร○ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง
○ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง
○ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
● รายงานการรับเยือนบุคคลสำคัญชาวต่างชาติ