• สำหรับผู้พิการ
  • รูปแบบสี ก ก ก
  • ขนาดตัวอักษร -ก ก +ก
  • Language
    • ภาษาไทย
    • English
    • Français
    Facebook youtube

เว็บไซต์อื่นๆ
  • รัฐสภา
  • สภาผู้แทนราษฎร
  • วุฒิสภา
  • สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
  • สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา

logo
  • หน้าหลัก
  • แนะนำองค์กร
  • ข้อมูลประชาคมอาเซียน
    • ประวัติอาเซียน
    • วิสัยทัศน์อาเซียน
    • กฎบัตรอาเซียน
    • สำนักงานเลขาธิการอาเซียน
    • ประธานอาเซียน
    • เลขาธิการอาเซียน
  • รัฐสภาไทยกับอาเซียน
    • การเยือนประเทศสมาชิก
    • การรับรองบุคคลสำคัญ
    • สมัชชารัฐสภาอาเซียน AIPA
    • กลุ่มมิตรภาพ
    • พลเมืองอาเซียน
    • อินไซต์อาเซียนและรอบโลก
      • อินไซต์อาเซียน
      • รอบโลก
  • การวิจัยและพัฒนากฎหมาย
    • งานวิจัยและพัฒนากฏหมาย
    • งานวิชาการ
      • ประชาคมการเมืองและความมั่นคง
      • ประชาคมเศรษฐกิจ
      • ประชาคมสังคมและวัฒนธรรม
    • เอกสารวิชาการอื่นๆ
  • FAQ
  • ติดต่อเรา
เว็บไซต์อื่นๆ
  • รัฐสภา
  • สภาผู้แทนราษฎร
  • วุฒิสภา
  • สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
  • สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา
รายงานการศึกษาดูงาน
ประเทศสมาชิกอาเซียนของรัฐสภา
Loading...
ลำดับที่ 11
คณะกรรมาธิการ/บุคคลสำคัญของฝ่ายนิติบัญญัติ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา
หมวดหมู่ - ประเทศสมาชิกอาเซียน
ประเทศ - เวียดนาม
เสาหลักอาเซียน - เศรษฐกิจ
วันเดือนปีที่ศึกษาดูงาน 29 กันยายน 2551 - 1 ตุลาคม 2551
สมัยของประธาน นายบรรชา พงศ์อายุกูล ประธานคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา
ประเด็นศึกษาดูงาน

๑. ศักยภาพภาคการเกษตรของนครเกิ่นเธอ
๒. การเพาะปลูกข้าว
๓. บทบาทของสถาบันวิจัยข้าว (Cuu Long Delta Rice Research Institute)
๔. บทบาทของ Vietnam Fruit and Vegetables Association
๕. ตลาดสินค้าเกษตรทูดึ๊ก (Thu Duc) ศูนย์กลางกระจายสินค้าเกษตร

สาระสังเขป

     กงสุลใหญ่ประจำนครโฮจิมินห์ได้นำคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา เข้าเยี่ยมคารวะประธานคณะกรรมการประชาชนเกิ่นเธอ โดยมีผู้ว่าราชการเกิ่นเธอร่วมให้การต้อนรับ จากนั้น คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา ศึกษาดูงาน ณ สถาบันวิจัยข้าว สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

๑. ศักยภาพภาคการเกษตรของนครเกิ่นเธอ
     นครเกิ่นเธอ  (Can Tho)  ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเวียดนาม   ริมฝั่งแม่น้ำเห่ายาง   (Hau Giang) สาขาใหญ่ของแม่น้ำโขง ห่างจากนครโฮจิมินห์ประมาณ ๑๖๙ กิโลเมตร เป็นเมืองมีขนาดใหญ่ที่สุดใน ๑๓ จังหวัดของภูมิภาคสามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำโขง และเป็น ๑ ใน ๕ ของนครที่รัฐบาลกำกับดูแลโดยตรง และสนับสนุนโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ๆ เช่น การก่อสร้างสนามบินนานาชาติ การก่อสร้างสะพานเกิ่นเธอ การขยายท่าเรือสำหรับรองรับเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ การก่อสร้างโรงงานผลิตไฟฟ้าที่มีกำลังผลิต ๒,๘๐๐ เมกะวัตต์ เพื่อยกระดับเป็นศูนย์กลางการพัฒนาเศรษฐกิจในลุ่มแม่น้ำโขง
     ด้านเกษตรกรรม ความอุดมสมบูรณ์ของดินอันเกิดจากการทับถมของโคลนตะกอนจากน้ำท่วมส่งผลดีต่อการเพาะปลูก อีกทั้ง รัฐบาลได้กำหนดนโยบายด้านการเกษตรให้มีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาประเทศและเป็นรากฐานนำไปสู่การพัฒนาในภาคอุตสาหกรรม รัฐจึงเน้นการพัฒนาองค์ความรู้ และเทคนิคด้านการเกษตร มีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยขึ้น รวมถึงจัดทำโครงการความร่วมมือกับไทยด้วย เกษตรกรรมเป็นหัวใจทางเศรษฐกิจของนครเกิ่นเธอ ผลผลิตหลักทางการเกษตร ได้แก่ ข้าว การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และปศุสัตว์
     - ข้าว เป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญ นครเกิ่นเธอสามารถปลูกข้าวได้มากเป็นอันดับสองของประเทศรองจากจังหวัดอันยาง และหากรวมผลผลิตข้าวกับจังหวัดอื่นในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ปริมาณข้าวที่ผลิตได้คิดเป็นครึ่งหนึ่งของผลผลิตข้าวทั้งประเทศ      
     - การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ พันธุ์สัตว์น้ำที่เพาะเลี้ยงมากที่สุด คือปลาจา (ปลาสวาย) และปลาสา (ปลาเผาะ) และจะเพิ่มปริมาณการส่งออกปลาจาให้มากขึ้นในอนาคต ส่วนการเพาะเลี้ยงกุ้งแม่น้ำ ภาครัฐพยายามส่งเสริม
ให้มีการพัฒนาพันธุ์กุ้งก้ามกราม การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำประสบปัญหาเรื่องโรคของสัตว์น้ำและคุณภาพผลผลิตที่มีสารเจือปน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออก
     - ปศุสัตว์ สัตว์เศรษฐกิจคือการเลี้ยงโคนมและสัตว์ปีก รวมถึงผลิตไข่ได้ประมาณร้อยล้านฟองต่อปี
     - อุตสาหกรรมการเกษตร ด้วยความโดดเด่นในการเป็นแหล่งวัตถุดิบสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมเป้าหมายจึงเน้นที่การแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร นิคมอุตสาหกรรมในนครเกิ่นเธอมีจำนวน ๕ แห่ง เนื้อที่ ๑,๐๐๐ เฮกตาร์ และยังมีโครงการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมอีก ซึ่งคาดว่าจะสามารถขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ได้อีกประมาณ ๕,๐๐๐ – ๖,๐๐๐ เฮกตาร์ สำหรับเป็นนิคมอุตสาหกรรมการเกษตรที่นำเทคโนโลยีชั้นสูงมาประยุกต์ใช้ในด้านการลงทุนรัฐบาลได้ออกกฎหมายเกี่ยวกับการลงทุน พ.ศ. ๒๕๔๙ ซึ่งบังคับใช้กับนักลงทุนชาวเวียดนามและนักลงทุนต่างชาติอย่างเท่าเทียมกัน  การลงทุนไม่มีข้อจำกัดเรื่องสัดส่วนผู้ถือหุ้นต่างชาติ กล่าวคือต่างชาติถือหุ้นได้ร้อยละ ๑๐๐ หรืออาจเป็นการร่วมทุนก็ได้ บริษัทสัญชาติไทยอย่างบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) ได้ลงทุนในโรงงานผลิตอาหารสัตว์ การเลี้ยงสัตว์แบบครบวงจร โดยบริษัทฯ ได้ร่วมมือและประกอบธุรกิจโดยตรงกับผู้เลี้ยงปศุสัตว์และเจ้าของฟาร์มช่วยให้เกิดการถ่ายทอดความรู้และการพัฒนาเทคนิคการเกษตรของเวียดนามให้ทันสมัย

๒. การเพาะปลูกข้าว
     พันธุ์ข้าวที่นำมาเพาะปลูกบริเวณที่ราบลุ่มปากแม่น้ำโขงส่วนใหญ่ คือ พันธุ์ OM ซึ่งปลูกมากกว่าร้อยละ  ๗๐ ของพื้นที่ปลูกข้าวทั้งหมด ลักษณะการทำนาเป็นนาหว่าน ปลูกเป็นแถว มีการกำหนดมาตรการเพื่อลดการใช้ยากำจัดศัตรูพืชและปุ๋ยเคมี เพิ่มคุณภาพและมูลค่าผลผลิต รวมถึงผลผลิตต่อไร่ให้มากขึ้น ในการกำจัดศัตรูพืชเน้นแนวทางการบริหารจัดการศัตรูข้าวแบบผสมผสานกล่าวคือ คัดเลือกพันธุ์ที่ต้านทานโรคและแมลงในพื้นที่ให้ปุ๋ย น้ำ และจัดการดินอย่างเหมาะสมซึ่งส่งผลต่อการเจริญเติบโตและความแข็งแรงของข้าว รวมถึงอนุรักษ์แมลงศัตรูธรรมชาติที่เป็นประโยชน์ต่อชาวนาในการควบคุมปริมาณแมลงศัตรูข้าวให้สมดุล ปริมาณผลผลิตข้าวจะขึ้นกับฤดูกาลการผลิต ข้าวนาปีจะให้ผลผลิตประมาณ ๖ ตันต่อเฮกตาร์ ส่วนนาปรังประมาณ ๔.๕ ตันต่อเฮกตาร์ การคัดเลือกพันธุ์ข้าวพยายามเลือกสายพันธุ์ที่ให้ผลผลิตเร็ว ประมาณ ๙๐ – ๑๐๐ วันต่อฤดูการผลิต
     การปลูกข้าวคำนึงถึงการลดปริมาณการใช้สารเคมี รัฐบาลดำเนินการสำรวจว่าสารเคมีใดส่งผลเสียต่อระบบนิเวศ และออกกฎหมายห้ามจำหน่ายสารเคมีนั้น รวมทั้งมีการค้นคว้าวิจัยเพื่อลดการพึ่งพิงสารเคมีโดยทำการศึกษาว่าช่วงใดเหมาะสมกับการปลูกข้าว ช่วงใดเกิดแมลงศัตรูข้าว และศึกษาหาวิธีกำจัดศัตรูข้าวด้วยแนวทางธรรมชาติ เช่น ก่อนทำนาต้องมีการไถหน้าดินเพื่อส่งน้ำเข้านาได้อย่างสม่ำเสมอซึ่งช่วยป้องกันการวางไข่ของหอยเชอรี่ เป็นต้น กรณีต้องใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช รัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเนื่องจากถือว่าเป็นการป้องกันผลประโยชน์ชาติ
     ในการให้ความช่วยเหลือชาวนานั้น  รัฐบาลไม่ใช้มาตรการประกันราคาข้าวแต่เป็นการเข้ามาแทรกแซงด้านนโยบาย เช่น กรณีข้าวมีปริมาณผลผลิตมากจนระบายไม่ทัน เป็นเหตุให้ข้าวค้างสต็อกปริมาณมาก รัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณให้ธนาคารของรัฐปล่อยสินเชื่อแก่รัฐวิสาหกิจเพื่อรับซื้อข้าวจากชาวนา ซึ่งถือเป็นการพยุงราคาข้าวได้อีกทางหนึ่ง

๓. บทบาทของสถาบันวิจัยข้าว (Cuu Long Delta Rice Research Institute)
     สถาบันวิจัยข้าวจัดตั้งในปี พ.ศ. ๒๕๒๐ ที่นครเกิ่นเธอ รับผิดชอบในเรื่องการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวใหม่ที่ให้ผลผลิตสูง และเหมาะสมสำหรับพื้นที่เพาะปลูกในบริเวณสามเหลี่ยมแม่น้ำโขง โดยได้รับความร่วมมือและความช่วยเหลือในการวิจัยและพัฒนาข้าวจากองค์กรต่างประเทศ สถาบันวิจัยข้าวสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวได้ ๙๐ พันธุ์ ทั้งนี้  พันธุ์ข้าวที่ได้รับการรับรองมีจำนวน  ๔๑ พันธุ์ มีการจัดทำโครงการการทำเกษตรแบบผสมผสานเพื่อเพิ่มธาตุอาหารให้ดินและเพิ่มรายได้แก่ชาวนาคือ ปลูกข้าวร่วมกับการปลูกพืชชนิดอื่น หรือร่วมกับการเลี้ยงปลาหรือกุ้ง นอกจากนั้น ยังถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีและเทคนิคการปลูกข้าวให้แก่ชาวนาในพื้นที่ ซึ่งดำเนินการ ๒ วิธี คือ ๑) สถาบันวิจัยข้าวที่นครเกิ่นเธอถ่ายทอดความรู้ไปยังศูนย์วิจัยย่อยตามท้องถิ่นต่าง ๆ  และ ๒) การเชิญชาวนาเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรระยะสั้นเพื่อนำแนวทางไปปฏิบัติจริงให้ได้ผลอย่างเป็นรูปธรรม
     นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา เดินทางไปศึกษาดูงาน ณ สมาคมผักและผลไม้เวียดนาม (Vietnam Fruits and Vegetables Association : Vinafruit) และตลาดสินค้าเกษตรทูดึ๊ก (Thu Duc)  ณ นครโฮจิมินห์ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้

๔. บทบาทของสมาคมผักและผลไม้เวียดนาม (Vietnam Fruit and Vegetables Association)
     สมาคมผักและผลไม้เวียดนามจัดตั้งในปี ๒๕๔๔ ที่นครโฮจิมินห์ เพื่อส่งเสริมการค้าและการส่งออกผักและผลไม้ ปัจจัยที่สนับสนุนให้มีการจัดตั้งในพื้นที่ทางตอนใต้ของเวียดนาม คือ ผลผลิตผักและผลไม้ปริมาณสองในสามของประเทศมาจากแหล่งผลิตในพื้นที่แห่งนี้และรัฐบาลต้องการปรับปรุงพันธุ์ผักและผลไม้ ซึ่งแต่เดิมมักมีลักษณะภายนอกไม่สวยงาม แต่ปัจจุบันได้รับการพัฒนาสายพันธุ์จนมีผลที่สวยงาม สมาคมฯ ได้เข้ามามีบทบาทในการพัฒนาคุณภาพผักและผลไม้เพื่อให้ได้มาตรฐานการส่งออก เนื่องจากการส่งออกผักและผลไม้มักประสบปัญหา
     ๑) การรักษาคุณภาพด้านอนามัย และความปลอดภัยด้านอาหาร กล่าวคือมีสารตกค้าง ดังนั้น จึงนำระบบ GAP (Good Agricultural Practice) ซึ่งเป็นแนวทางการทำการเกษตรเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพดีตรงตามมาตรฐานที่กำหนดมาประยุกต์ใช้  และ ๒) แมลงศัตรูพืชเจาะผลไม้ ส่งผลให้ประเทศผู้นำเข้าโดยเฉพาะญี่ปุ่น อเมริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และเกาหลีใต้ออกกฎหมายเพื่อป้องกันการนำเข้าผักและผลไม้จากเวียดนาม

๕. ตลาดสินค้าเกษตรทูดึ๊ก ศูนย์กลางกระจายสินค้าเกษตร
     ตลาดสินค้าเกษตรทูดึ๊กเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าเกษตรแถบเวียดนามตอนใต้ จัดตั้งเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖  สินค้าที่ทำการซื้อขายหลัก คือผลไม้ ผัก และมัน เปิดทำการในเวลากลางคืน จำนวนผู้ซื้อผู้ขายประมาณ ๒,๐๐๐ คนต่อคืน ปริมาณสินค้าราว ๒,๕๐๐ – ๓,๕๐๐ ตันต่อคืน เป็นตลาดที่ให้บริการหลายด้าน ทั้งการมีสถานที่จัดเก็บสินค้า รวมทั้งห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจสอบคุณภาพสินค้า กรณีตรวจสอบแล้วพบสารตกค้างจะดำเนินการส่งกลับคืนไปยังแหล่งผลิต เนื่องจากเวียดนามไม่ได้มีการกำหนดมาตรการการลงโทษ

ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากการศึกษาดูงาน
     คณะกรรมาธิการมีความเห็นว่าภาคการเกษตรของเวียดนามเติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีการสนับสนุนการพัฒนาองค์ความรู้และเทคนิคการเพาะปลูกให้แก่เกษตรกร เช่นเดียวกับไทยที่พยายามกำหนดแนวทางถ่ายทอดความรู้ใหม่ ๆ ต่อเกษตรกร กล่าวคือ สนับสนุนให้เกษตรกรมีความรู้ตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมดิน การใส่ปุ๋ยตามช่วงเวลา ปริมาณความต้องการสารอาหารของพืชแต่ละชนิด ช่วงเวลาและปริมาณการใช้ยากำจัดศัตรูพืชที่เหมาะสม
     เวียดนามสามารถทำการเกษตรได้ตลอดปี เนื่องจากมีแหล่งน้ำตามธรรมชาติเพียงพอ ส่วนไทยมักประสบปัญหา คือในฤดูฝน พื้นที่ทางการเกษตรประสบปัญหาน้ำท่วมขัง ส่วนในฤดูแล้งขาดแคลนน้ำสำหรับการเพาะปลูก ดังนั้น หากระบบการจัดการน้ำครอบคลุมทั่วถึงทุกพื้นที่จะเอื้อประโยชน์ต่อเกษตรกรไทยเป็นอย่างมาก

คำค้น     เวียดนาม, ศักยภาพการเกษตรนครเกิ่นเธอ, การเพาะปลูกข้าวนครเกิ่นเธอ, สมาคมผักและผลไม้เวียดนาม, ตลาดสินค้าเกษตรทูดึ๊ก, นครโฮจิมินห์

เสาหลัก  เศรษฐกิจ

เอกสารแนบ 1. รายงานการเดินทางศึกษาดูงานสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม



ASEAN Thailand 2019
สมัชชารัฐสภาอาเซียน
The ASEAN Secretariat
Inter-Parliamentary Union
กฎหมายในกลุ่มอาเซียน
ASEAN Thailand 2019
สมัชชารัฐสภาอาเซียน
The ASEAN Secretariat
Inter-Parliamentary Union
กฎหมายในกลุ่มอาเซียน

กลุ่มงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรปฏิบัติหน้าที่สำนักงานศูนย์ประชาคมอาเซียนของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร

โทร 022425900 ต่อ 7462

facebook   youtube

จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ 1,434,906
(ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565)

Tawdis WCAG 2.0 (Level AA)

คลิกดูสถิติการเข้าชมเว็บไซต์สภาผู้แทนฯ
sitemap แผนผังเว็บไซต์

หน้าหลัก

แนะนำองค์กร

ข้อมูลประชาคมอาเซียน

● ประวัติอาเซียน

● วิสัยทัศน์อาเซียน

● กฎบัตรอาเซียน

● สำนักงานเลขาธิการอาเซียน

● ประธานอาเซียน

● เลขาธิการอาเซียน

รัฐสภาไทยกับอาเซียน

● การเยือนประเทศสมาชิก

● การรับรองบุคคลสำคัญ

● สมัชชารัฐสภาอาเซียน AIPA

● กลุ่มมิตรภาพ

● พลเมืองอาเซียน

● อินไซต์อาเซียนและรอบโลก

○ อินไซต์อาเซียน
○ รอบโลก

การวิจัยและพัฒนากฎหมาย

● งานวิจัยและพัฒนากฏหมาย

● งานวิชาการ

○ ประชาคมการเมืองและความมั่นคง
○ ประชาคมเศรษฐกิจ
○ ประชาคมสังคมและวัฒนธรรม

● เอกสารวิชาการอื่นๆ

FAQ

ติดต่อเรา

ภาพข่าวกิจกรรม

ข่าวสารอาเซียน

งานวิจัยและพัฒนากฎหมาย

กฎหมายเปรียบเทียบ

● รัฐธรรมนูญของประเทศสมาชิกอาเซียน

● การเสริมสร้างความร่วมมือในภูมิภาคในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ

● ความร่วมมือในภูมิภาคในเรื่องการต่อต้านอาชญากรรมทางไซเบอร์

● ความร่วมมือทางอาญาในภูมิภาคอาเซียนในเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดน

● พันธกรณีตาม ASEAN Economic Economy Blueprint 2025

● การศึกษาเปรียบเทียบกลไกระงับข้อพิพาทการลงทุนหรือกฎหมายว่าด้วยอนุญาโตตุลาการ

● การศึกษาเปรียบเทียบกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว

● กฎหมายว่าด้วยการแข่งขันที่เป็นธรรมทางการค้า

● ทรัพย์สินทางปัญญา

● การยอมรับและการบังคับคดีตามคาพิพากษาของศาลต่างประเทศ

● การอำนวยความสะดวกทางการค้า

● พาณิชย์อิเลคทรอนิกส์ของอาเซียน

● มาตรฐานแรงงานในอาเซียน

● กฎหมายตามพันธกรณีความร่วมมือของประชาคมอาเซียนด้านประชาคมสังคมและวัฒนธรรม การคุ้มครองสิทธิมนุษยชน

● การยอมรับและการบังคับคดีให้เป็นไปตามคาพิพากษาของศาลต่างประเทศในคดีแพ่งหรือพาณิชย์

● การรับรองความถูกต้องแท้จริงของเอกสารราชการ