• สำหรับผู้พิการ
  • รูปแบบสี ก ก ก
  • ขนาดตัวอักษร -ก ก +ก
  • Language
    • ภาษาไทย
    • English
    • Français
    Facebook youtube

เว็บไซต์อื่นๆ
  • รัฐสภา
  • สภาผู้แทนราษฎร
  • วุฒิสภา
  • สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
  • สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา

logo
  • หน้าหลัก
  • แนะนำองค์กร
  • ข้อมูลประชาคมอาเซียน
    • ประวัติอาเซียน
    • วิสัยทัศน์อาเซียน
    • กฎบัตรอาเซียน
    • สำนักงานเลขาธิการอาเซียน
    • ประธานอาเซียน
    • เลขาธิการอาเซียน
  • รัฐสภาไทยกับอาเซียน
    • การเยือนประเทศสมาชิก
    • การรับรองบุคคลสำคัญ
    • สมัชชารัฐสภาอาเซียน AIPA
    • กลุ่มมิตรภาพ
    • พลเมืองอาเซียน
    • อินไซต์อาเซียนและรอบโลก
      • อินไซต์อาเซียน
      • รอบโลก
  • การวิจัยและพัฒนากฎหมาย
    • งานวิจัยและพัฒนากฏหมาย
    • งานวิชาการ
      • ประชาคมการเมืองและความมั่นคง
      • ประชาคมเศรษฐกิจ
      • ประชาคมสังคมและวัฒนธรรม
    • เอกสารวิชาการอื่นๆ
  • FAQ
  • ติดต่อเรา
เว็บไซต์อื่นๆ
  • รัฐสภา
  • สภาผู้แทนราษฎร
  • วุฒิสภา
  • สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
  • สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา
รายงานการศึกษาดูงาน
ประเทศสมาชิกอาเซียนของรัฐสภา
Loading...
ลำดับที่ 17
คณะกรรมาธิการ/บุคคลสำคัญของฝ่ายนิติบัญญัติ คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร
หมวดหมู่ - ประเทศสมาชิกอาเซียน
ประเทศ - กัมพูชา
เสาหลักอาเซียน - เศรษฐกิจ
- สังคมและวัฒนธรรม
- การเมืองและความมั่นคง
วันเดือนปีที่ศึกษาดูงาน 24 กุมภาพันธ์ 2557 - 26 กุมภาพันธ์ 2557
สมัยของประธาน นายสุนัย จุลพงศธร ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร
ประเด็นศึกษาดูงาน

๑.  แนวทางการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในด้านต่าง ๆ ระหว่างประเทศไทยกับราชอาณาจักรกัมพูชา

๒.  ปัญหา อุปสรรค ที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการลงทุนระหว่างประเทศไทยและราชอาณาจักรกัมพูชา

สาระสังเขป

     ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ได้นำคณะเข้าเยี่ยมคารวะสมเด็จอัคคมหาพญาจักรี เฮง สัมริน ประธานสภาแห่งชาติกัมพูชาและพบปะหารือกับนายเชียง วุน ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ ความร่วมมือระหว่างประเทศ ข้อมูลข่าวสารและสื่อสารมวลชนสภาแห่งชาติกัมพูชา ณ อาคารรัฐสภา สภาแห่งชาติกัมพูชา สาระสำคัญ ดังนี้

  • ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ในฐานะหัวหน้าคณะเดินทางฝ่ายไทยได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาว่ามีรากฐานทางวัฒนธรรมและภูมิศาสตร์ที่ใกล้เคียงกันมาก โดยที่ผ่านมาไทยให้ความสำคัญกับกัมพูชาในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่มีความใกล้ชิดกันมาก และคณะกรรมาธิการชุดนี้ได้เลือกเยือนกัมพูชาเป็นประเทศแรก โดยได้กล่าวถึงการพัฒนาประเทศของกัมพูชา

หลังสงครามการเมืองที่ยาวนานภายใต้การนำของสมเด็จ เฮง สัมริน สมเด็จ เจียซิม และสมเด็จ ฮุนเซ็น ว่าเป็นไปอย่างก้าวกระโดด สร้างความมั่นคงให้กับประเทศอย่างมาก ในขณะที่สมเด็จ เฮง สัมริน ประธานสภาแห่งชาติกัมพูชาก็ได้กล่าวชื่นชมฝ่ายนิติบัญญัติของไทยที่สามารถรักษาความสงบสุขของบ้านเมืองไว้ได้ไม่ว่าการเมืองจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร ต่อมาได้พบปะนายเชียง วุน ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศฯ สภาแห่งชาติกัมพูชา นายเชียง วุน ได้กล่าวถึงโอกาสนี้ว่าเป็นเรื่องดีที่กัมพูชาและไทยจะได้มีความร่วมมือระหว่างกันในเรื่องต่าง ๆ ต่อไป เช่น ด้านการสาธารณสุขชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านความร่วมมือวิชาการระหว่างประเทศ ได้แก่ การวางแผนจัดตั้งสถาบันศึกษาอาเซียนในระดับผู้นำทางการเมือง การบริหาร และการเศรษฐกิจทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน สุดท้ายได้กล่าวถึงความร่วมมือ ด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการลงทุนเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนของทั้งสองประเทศในปี พ.ศ. ๒๕๕๘  ได้แก่ ประเด็นการเป็นตลาดและฐานการผลิตร่วม (Single Market and Single Production Base) ความร่วมมือระหว่างนักธุรกิจภาคเอกชนของไทยและกัมพูชา เป็นต้น

     ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ได้นำคณะเข้าเยี่ยมคารวะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ของกัมพูชา และสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น สาระสำคัญดังนี้

  • ไทยและกัมพูชามีความร่วมมือในด้านการค้า การลงทุน โดยเฉพาะสินค้าการเกษตร การค้าข้าวระหว่างกัน และปัจจุบันพบว่า มีการตั้งโรงสีที่ทันสมัยในกัมพูชา อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเกิดปัญหาสินค้าราคาตกต่ำ และปริมาณการค้าด้านการเกษตรระหว่างไทยและกัมพูชายังมีปัญหาและอุปสรรคอยู่มากแม้จะมีการลงนามกันในการทำการเกษตรแบบมีสัญญา (Contract Farming) แล้วก็ตาม ซึ่งจะต้องหาแนวทางแก้ไขต่อไป

     ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ได้นำคณะเข้าเยี่ยมคารวะนายสมปอง สงวนบรรพ์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ เพื่อรับฟังบรรยายสรุป  สาระสำคัญ ดังนี้

ประเด็นกรณีประสาทเขาพระวิหาร

กรณีประสาทเขาพระวิหารส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจการค้าไทย-กัมพูชา หลังจากการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาพบว่ามูลค่าการค้าของไทยลดลงร้อยละ ๓๐ ต่อเนื่องกันเป็นเวลา ๒ ปี โดยกัมพูชาหันไปบริโภคสินค้าจากจีนและเวียดนามเป็นหลักแม้จะยอมรับในคุณภาพของสินค้าไทยมากกว่า ทั้งนี้ มีสื่อมวลชนบางกลุ่มในกัมพูชาปลุกกระแสชาตินิยมทำให้ชาวกัมพูชาเกิดความเกลียดชังคนไทย ซึ่งส่งผลกระทบต่อสินค้าไทยที่ผลิตในโรงงานของไทยที่ตั้งอยู่ในกัมพูชาและการค้าขายบริเวณชายแดนนอกจากนี้ยังมี ปัญหาระหว่างไทยกับกัมพูชาในเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย ได้แก่ การบังคับใช้กฎหมาย

ของไทยส่งผลต่อสินค้าเกษตรในกัมพูชาไม่สามารถส่งออกสินค้ามายังไทยได้ ในขณะที่รัฐบาลกัมพูชาได้โต้ตอบด้วยการบังคับใช้มาตรการด้านสุขอนามัยซึ่งเป็น Non-Tariff Barriers ต่อสินค้านำเข้าจากไทย

          ประเด็นการเตรียมความพร้อมกรณีกัมพูชาขอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice: ICJ) ตีความคำพิพากษาคดีประสาทเขาพระวิหาร พ.ศ. ๒๕๐๕

ฝ่ายกัมพูชา ได้มีการเปลี่ยนตัวบุคคลที่รับผิดชอบคดีพิพาทประสาทเขาพระวิหารจากนายฮอร์ นัม ฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นนายซก อาน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีความรอบรู้และเชี่ยวชาญในเรื่องดังกล่าว และได้ยกระดับให้กรณีประสาทเขาพระวิหารเป็นนโยบายเร่งด่วนของประเทศ  ทั้งนี้ กัมพูชาเป็นฝ่ายรุกเชิงการทูตและยกระดับปัญหาเรื่องดังกล่าวไปสู่นานาชาติโดยพยายามแสดงบทบาทนำในเวทีระหว่างประเทศโดยมีการ   จัดวางบุคคลและดำเนินโนบายอย่างเป็นขั้นตอน  เริ่มจากการถอนทหารตามคำสั่งชั่วคราวของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ พร้อมกับกำหนดกรอบการทำงานด้านต่าง ๆ  ใช้สื่อชี้นำประชาชนอย่าง    เป็นระบบเพื่อให้สอดรับกับกรอบการทำงานของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ โดยเตรียมรับกับคำพิพากษาของศาลที่กำลังจะมีขึ้น  โดยมีข้อสังเกต ดังนี้

  • การเลือกตั้งทั่วไปของกัมพูชาที่จะมีขึ้นในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ อาจจะไม่มีการนำประเด็นชาตินิยมมาใช้เท่ากับการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเนื่องจากพรรคการเมืองฝ่ายค้านไม่เข้มแข็งเท่าที่ควร
  • กัมพูชา มีความมั่นใจในพยานหลักฐาน และเชื่อว่าผลการพิจารณาคดีปราสาทเขาพระวิหาร จะเป็นประโยชน์กับฝ่ายตน
  • ความขัดแย้งกรณีพิพาทประสาทเขาพระวิหารสร้างความรู้สึกต่อต้านไทยให้กับชาวกัมพูชาทั่วประเทศ โดยการประชาสัมพันธ์และการรณรงค์ปลุกกระแสชาตินิยมทำอย่างเป็นวงกว้าง ต่างจากเมื่อครั้งที่มีการเผาสถานทูตไทยในกรุงพนมเปญเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ที่ชาวกัมพูชาต่อต้านเป็นกลุ่มย่อยเฉพาะใน      กรุงพนมเปญเท่านั้น

          ฝ่ายไทย ยังไม่มีแผนยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนต่อกรณีพิพาทประสาทเขาพระวิหารว่าจะดำเนินการไปในทิศทางใดจากนโยบายระดับผู้นำประเทศ ผู้นำกองทัพและระดับหน่วยปฏิบัติการ รวมทั้งการป้องกันไม่ให้นำคำพิพากษาไปขยายผลทางการเมือง ทั้งนี้ ศักยภาพด้านการทหารของไทยมีความพร้อมกว่ากัมพูชา อย่างไรก็ตาม การสู้รบนำมาซึ่งการสูญเสียของทั้งไทยและกัมพูชา โดยมีข้อสังเกต ดังนี้

  • การบูรณาการด้านข้อมูลข่าวสาร การให้ความรู้แก่ประชาชน ต้องมีลักษณะเป็นเอกภาพ ตัดสินใจร่วมกันระหว่างผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด 
  • การนำเสนอประเด็นที่เกี่ยวข้องของสื่อต่าง ๆ ส่งผลต่อการรับรู้ที่คลาดเคลื่อน ควรนำเสนอ    อย่างรอบคอบและระมัดระวัง
  • กรณีพิพาทประสาทเขาพระวิหาร ทำให้ต้องเร่งฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาใหม่
  • แนวคิด No Man’s Land ไม่สามารถใช้ดำเนินการในการแก้ปัญหาพื้นที่ ๔.๖ ตารางกิโลเมตรได้เนื่องจากเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญเชิงสัญลักษณ์และมีผลประโยชน์จำนวนมากต่อผู้ได้ครอบครอง

ประเด็นการลักลอบตัดไม้บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา

          ปัญหาการลักลอบตัดไม้บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยได้ยิงชาวกัมพูชาที่รุกล้ำเข้ามาและลักลอบตัดไม้ในเขตไทยทำให้ชาวกัมพูชาเหล่านั้นเสียชีวิตหลายรายในช่วงที่ผ่านมาโดยพบว่า ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๒ เริ่มมีขบวนการลักลอบตัดไม้พะยูงในเขตไทยโดยมีคดีมากถึง ๑,๔๐๐ คดีจากการปะทะกัน ๒๐ ครั้ง โดยที่ในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ มีคดีจับกุมชาวกัมพูชาประมาณ ๔๐๐ คดีจากการปะทะกัน ๖ ครั้ง สาเหตุที่มีการปะทะกันเนื่องจากชาวกัมพูชาที่เข้ามาลักลอบตัดต้นไม้เหล่านั้นมีกองกำลังติดอาวุธร้ายแรง ให้ความคุ้มกัน เมื่อเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนของไทยตรวจพบกองกำลังเหล่านั้นจะยิงเข้าใส่ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนของไทยไม่เคยยิงใส่ผู้ลักลอบตัดไม้ก่อน แต่เมื่อถูกยิงโจมตีจึงจำเป็นต้องป้องกันตัวเพื่อรักษาชีวิต โดยหลังปะทะตรวจพบของกลาง เช่น ไม้พะยูง เลื่อยยนต์ และอุปกรณ์ตัดไม้ นอกจากนี้ยังพบอาวุธสงครามด้วยมีทั้งปืนอาร์ก้าและระเบิดมือในสถานที่เกิดเหตุหลายครั้ง อย่างไรก็ตาม หน่วยงานของไทยได้หารือกันอย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยรวบรวมข้อมูล ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการร่วมกันเพื่อประสิทธิภาพ ทั้งนี้ นายสมปอง สงวนบรรพ์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ได้เข้าพบนายลอง วิสาโล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ  และความร่วมมือระหว่างประเทศของกัมพูชาเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องข้างต้น โดยยืนยันข้อเท็จจริงว่าฝ่ายไทยต้องป้องกันตัวจากการถูกยิงใส่ ซึ่งเป็นสิทธิที่พึงกระทำได้ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และได้เสนอให้มีการหารืออย่างจริงจังระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศในเรื่องดังกล่าวเพื่อหาทาง       แก้ไขปัญหาต่อไปในการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย–กัมพูชา (Joint Commission for Bilateral Cooperation between Thailand and Cambodia)  ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระหว่างวันที่ ๒๑–๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้ง     สองประเทศเป็นประธานร่วม  คาดว่า ฝ่ายไทยจะยกประเด็นการลักลอบตัดไม้ผิดกฎหมายขึ้นมาพิจารณาเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมร่วมกันต่อไป

ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากการศึกษาดูงาน

         ๑. ลดความตึงเครียดความเกลียดชังของชาวกัมพูชาด้วยการผ่อนปรนสินค้าเกษตรของกัมพูชา    ให้สามารถค้าขายได้คล่องขึ้น

         ๒. ให้มีการเยี่ยมผู้ต้องขังชาวกัมพูชาไนไทยตามหลักสิทธิมนุษยชนสากล

         ๓. ให้ความคุ้มครองแรงงานชาวกัมพูชา และแรงงานจากประเทศอาเซียนที่เข้ามาทำงานไนไทยอย่างถูกกฎหมาย โดยให้ได้รับสิทธิคุ้มครองตามกฎหมาย

         ๔. คณะกรรมาธิการการต่างประเทศร่วมมือกับคณะกรรมาธิการกิจการชายแดนไทย สภาผู้แทนราษฎรรวมทั้งคณะกรรมาธิการอื่นที่เกี่ยวข้อง เดินทางไปศึกษาดูงานพบปะกับประชาชนบริเวณพื้นที่ชายแดน   ของทั้งสองประเทศเพื่อรับทราบปัญหาที่เกี่ยวข้องกับคดีพิพาทประสาทเขาพระวิหารก่อนที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศจะมีคำพิพากษา

 

คำค้น กัมพูชา,ชายแดน,เศรษฐกิจ,แรงงานกัมพูชา,ปราสาทเขาพระวิหาร,การลักลอบตัดไม้

เสาหลัก  การเมืองและความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม

เอกสารแนบ 1. คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร



ASEAN Thailand 2019
สมัชชารัฐสภาอาเซียน
The ASEAN Secretariat
Inter-Parliamentary Union
กฎหมายในกลุ่มอาเซียน
ASEAN Thailand 2019
สมัชชารัฐสภาอาเซียน
The ASEAN Secretariat
Inter-Parliamentary Union
กฎหมายในกลุ่มอาเซียน

กลุ่มงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรปฏิบัติหน้าที่สำนักงานศูนย์ประชาคมอาเซียนของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร

โทร 022425900 ต่อ 7462

facebook   youtube

จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ 1,428,701
(ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565)

Tawdis WCAG 2.0 (Level AA)

คลิกดูสถิติการเข้าชมเว็บไซต์สภาผู้แทนฯ
sitemap แผนผังเว็บไซต์

หน้าหลัก

แนะนำองค์กร

ข้อมูลประชาคมอาเซียน

● ประวัติอาเซียน

● วิสัยทัศน์อาเซียน

● กฎบัตรอาเซียน

● สำนักงานเลขาธิการอาเซียน

● ประธานอาเซียน

● เลขาธิการอาเซียน

รัฐสภาไทยกับอาเซียน

● การเยือนประเทศสมาชิก

● การรับรองบุคคลสำคัญ

● สมัชชารัฐสภาอาเซียน AIPA

● กลุ่มมิตรภาพ

● พลเมืองอาเซียน

● อินไซต์อาเซียนและรอบโลก

○ อินไซต์อาเซียน
○ รอบโลก

การวิจัยและพัฒนากฎหมาย

● งานวิจัยและพัฒนากฏหมาย

● งานวิชาการ

○ ประชาคมการเมืองและความมั่นคง
○ ประชาคมเศรษฐกิจ
○ ประชาคมสังคมและวัฒนธรรม

● เอกสารวิชาการอื่นๆ

FAQ

ติดต่อเรา

ภาพข่าวกิจกรรม

ข่าวสารอาเซียน

งานวิจัยและพัฒนากฎหมาย

กฎหมายเปรียบเทียบ

● รัฐธรรมนูญของประเทศสมาชิกอาเซียน

● การเสริมสร้างความร่วมมือในภูมิภาคในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ

● ความร่วมมือในภูมิภาคในเรื่องการต่อต้านอาชญากรรมทางไซเบอร์

● ความร่วมมือทางอาญาในภูมิภาคอาเซียนในเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดน

● พันธกรณีตาม ASEAN Economic Economy Blueprint 2025

● การศึกษาเปรียบเทียบกลไกระงับข้อพิพาทการลงทุนหรือกฎหมายว่าด้วยอนุญาโตตุลาการ

● การศึกษาเปรียบเทียบกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว

● กฎหมายว่าด้วยการแข่งขันที่เป็นธรรมทางการค้า

● ทรัพย์สินทางปัญญา

● การยอมรับและการบังคับคดีตามคาพิพากษาของศาลต่างประเทศ

● การอำนวยความสะดวกทางการค้า

● พาณิชย์อิเลคทรอนิกส์ของอาเซียน

● มาตรฐานแรงงานในอาเซียน

● กฎหมายตามพันธกรณีความร่วมมือของประชาคมอาเซียนด้านประชาคมสังคมและวัฒนธรรม การคุ้มครองสิทธิมนุษยชน

● การยอมรับและการบังคับคดีให้เป็นไปตามคาพิพากษาของศาลต่างประเทศในคดีแพ่งหรือพาณิชย์

● การรับรองความถูกต้องแท้จริงของเอกสารราชการ