• สำหรับผู้พิการ
  • รูปแบบสี ก ก ก
  • ขนาดตัวอักษร -ก ก +ก
  • Language
    • ภาษาไทย
    • English
    • Français
    Facebook youtube

เว็บไซต์อื่นๆ
  • รัฐสภา
  • สภาผู้แทนราษฎร
  • วุฒิสภา
  • สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
  • สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา

logo
  • หน้าหลัก
  • แนะนำองค์กร
  • ข้อมูลประชาคมอาเซียน
    • ประวัติอาเซียน
    • วิสัยทัศน์อาเซียน
    • กฎบัตรอาเซียน
    • สำนักงานเลขาธิการอาเซียน
    • ประธานอาเซียน
    • เลขาธิการอาเซียน
  • รัฐสภาไทยกับอาเซียน
    • การเยือนประเทศสมาชิก
    • การรับรองบุคคลสำคัญ
    • สมัชชารัฐสภาอาเซียน AIPA
    • กลุ่มมิตรภาพ
    • พลเมืองอาเซียน
    • อินไซต์อาเซียนและรอบโลก
      • อินไซต์อาเซียน
      • รอบโลก
  • การวิจัยและพัฒนากฎหมาย
    • งานวิจัยและพัฒนากฏหมาย
    • งานวิชาการ
      • ประชาคมการเมืองและความมั่นคง
      • ประชาคมเศรษฐกิจ
      • ประชาคมสังคมและวัฒนธรรม
    • เอกสารวิชาการอื่นๆ
  • FAQ
  • ติดต่อเรา
เว็บไซต์อื่นๆ
  • รัฐสภา
  • สภาผู้แทนราษฎร
  • วุฒิสภา
  • สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
  • สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา
รายงานการศึกษาดูงาน
ประเทศสมาชิกอาเซียนของรัฐสภา
Loading...
ลำดับที่ 28
คณะกรรมาธิการ/บุคคลสำคัญของฝ่ายนิติบัญญัติ คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ
หมวดหมู่ - ประเทศสมาชิกอาเซียน
ประเทศ - อินโดนีเซีย
เสาหลักอาเซียน - สังคมและวัฒนธรรม
วันเดือนปีที่ศึกษาดูงาน 22 กันยายน 2560 - 26 กันยายน 2560
สมัยของประธาน พลตำรวจเอก พิชิต ควรเดชะคุปต์ ประธานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมและ การท่องเที่ยว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ
ประเด็นศึกษาดูงาน

๑. สถานที่สำคัญที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของบาหลี
๒. การบริหารจัดการงานพิพิธภัณฑ์
๓. การจัดการพุทธสถานบุโรพุทโธ
๔. การท่องเที่ยวเมืองยอกยาการ์ตา

สาระสังเขป

     คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เยี่ยมชมศึกษาดูงานสถานที่สำคัญที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของบาหลี และการจัดการพุทธสถานบุโรพุทโธ 
ณ จังหวัดบาหลี และเมืองยอกยาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย พร้อมร่วมประชุมหารือความร่วมมือระดับทวิภาคีด้านการบริหารจัดการงานพิพิธภัณฑ์และการท่องเที่ยวเมืองยอกยาการ์ตา ตามคำเชิญของผู้บริหารพิพิธภัณฑ์ศิลปะอากุงราย (Agung Rai Museum of Art: ARMA) และคณะกรรมการการท่องเที่ยวของยอกยาการ์ตา (Yogyakarta Tourism Board) โดยคณะกรรมาธิการฯ ได้มอบหมายให้ นายนรนิติ เศรษฐบุตร กรรมาธิการและที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการฯ เป็นหัวหน้าคณะเดินทาง สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้

๑. สถานที่สำคัญที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของบาหลี 

ความศรัทธาในศาสนาฮินดูผสมผสานกับความเชื่อตามบรรพบุรุษในเรื่องพลังของธรรมชาติส่งผลให้งานสถาปัตยกรรมและภูมิสถาปัตย์ของบาหลีมีเอกลักษณ์โดดเด่น วัดหรือปุระ (Pura) และพระราชวังโบราณยังคงได้รับการอนุรักษ์รูปแบบสถาปัตยกรรมดั้งเดิมไว้เป็นอย่างดี ชาวบาหลีมีวิถีชีวิตผูกพันกับวัดและยังคงรักษาวัฒนธรรมที่มีรากฐานมาจากศาสนาฮินดูอย่างเหนียวแน่น วัดเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับประกอบพิธีสักการบูชาเทพเจ้าและยังเป็นแหล่งสืบสานวัฒนธรรมประเพณี การบริหารจัดการมรดกทางวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับศาสนาจึงคำนึงถึงคุณค่าทางจิตวิญญาณและความเชื่อของชุมชน โดยมีวัดที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี อาทิ  
     วัดอุลูวาตู (Pura (Luhur) Uluwatu) ตั้งอยู่บนเชิงเขาริมทะเลซึ่งสร้างขึ้นราวศตวรรษที่ ๑๐ ความโดดเด่นของวัดคือ ทิวทัศน์ธรรมชาติที่งดงามและซุ้มประตูแยกซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของศิลปะบาหลี โดยมีลักษณะเป็นยอดปราสาทผ่าครึ่ง สร้างขึ้นเพื่อป้องกันอันตรายจากสิ่งชั่วร้ายตามความเชื่อของชาวบาหลี 
     วัดทีร์ตา เอมปุล (Pura Tirta Empul) สร้างขึ้นระหว่างศตวรรษที่ ๑๐-๑๔ ในสมัยราชวงศ์วาร์มาเดวา (Warmadewa Dynasty) มีบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ซึ่งในสมัยโบราณใช้ประกอบพิธีกรรมสำหรับกษัตริย์และพระราชวงศ์เท่านั้น ต่อมาได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าสักการบูชา บ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์มีตาน้ำธรรมชาติ ซึ่งชาวบาหลีเชื่อว่าพระอินทร์ทรงเนรมิตขึ้นจึงนิยมลงไปประกอบพิธีชำระร่างกายให้บริสุทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคลและขับไล่สิ่งอัปมงคลหรือโรคภัยไข้เจ็บตามความเชื่อของศาสนาฮินดู 
     วัดทานา ลอต (Pura Tanah Lot) เป็นวิหารศักดิ์สิทธิ์ สร้างโดยนักบวชชาวฮินดูตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ ๑๑ เพื่อบูชาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ลักษณะเด่นของวิหารแห่งนี้ คือ ตั้งอยู่บนผาหินที่ยื่นออกไปในทะเล ทำให้เกิดทัศนียภาพงดงามโดยเฉพาะช่วงเวลาน้ำขึ้นล้อมรอบ เป็นสถานที่ที่มีความศักดิ์สิทธิ์โดยมีชาวบาหลีเข้ามาประกอบพิธีกรรมทางศาสนาอย่างต่อเนื่องและเป็นแหล่งท่องเที่ยวสัญลักษณ์ของเกาะ 
     วัดทามัน อายุน (Pura Taman Ayun) สร้างในศตวรรษที่ ๑๗ ในสมัยนั้นเป็นวัดหลวงสำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของกษัตริย์แห่งราชวงศ์เม็งวี (Mengwi Dynasty) วัดนี้เป็นหนึ่งในวัด
ที่แสดงเอกลักษณ์อันโดดเด่นของศิลปะบาหลี พื้นที่แบ่งออกเป็นสามลาน มีกำแพงกั้นเป็นแนวเขต
ลานชั้นนอกใช้สำหรับทำกิจกรรมในงานประเพณีหรืองานเฉลิมฉลอง ลานชั้นกลางใช้สำหรับจัดเตรียมพิธีบวงสรวงเทพเจ้า และลานชั้นในสุด เป็นเขตหวงห้ามเพราะถือเป็นที่สถิตของเทพเจ้าใช้สำหรับประกอบพิธีกรรมเท่านั้น ลักษณะเด่นทางสถาปัตยกรรม คือ อาคารไม้ทรงเมรุหรืออาคารทรงปราสาทที่มีหลังคาซ้อนลดหลั่น สร้างอุทิศแด่เทพเจ้าที่ปกปักรักษาภูเขาหลายลูกในเกาะบาหลี หลังคาจะซ้อนเป็นชั้นด้วยจำนวนเลขคี่ตั้งแต่ ๓ ชั้น จนถึง ๑๑ ชั้น จำนวนชั้นของหลังคาแสดงถึงความสำคัญของเทพเจ้าที่สร้างถวายยิ่งสูงมากยิ่งมีความสำคัญมาก

๒. การบริหารจัดการงานพิพิธภัณฑ์

     ในการประชุมทวิภาคีกับผู้บริหารพิพิธภัณฑ์ศิลปะอากุง ราย (Agung Rai Museum of Art) คณะกรรมาธิการฯ ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารจัดการงานพิพิธภัณฑ์ซึ่งได้ดำเนินการควบคู่ไปกับการสืบสานศิลปวัฒนธรรมบาหลี 
     พิพิธภัณฑ์ศิลปะอากุงรายเป็นพิพิธภัณฑ์เอกชน ผู้ก่อตั้งคือนายอากุง ราย (Mr. Agung Rai)
ซึ่งชื่นชอบในงานศิลป์ ได้ซื้อภาพวาดของจิตรกรชาวบาหลี ชาวอินโดนีเซีย และชาวต่างชาติรวบรวมสะสมไว้ และได้เปิดแสดงอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๓๙ มีรูปแบบการบริหารจัดการเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมของบาหลี การจัดหารายได้มาจากการจำหน่ายบัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์ การบริหารจัดการด้านพื้นที่ภายในพิพิธภัณฑ์ ประกอบด้วย ๑) อาคารสถาปัตยกรรมบาหลี จำนวน ๒ หลัง สำหรับใช้จัดแสดงนิทรรศการถาวรและชั่วคราว ภายในอาคารแบ่งพื้นที่ออกเป็นโซนต่าง ๆ เพื่อเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับวิวัฒนาการของศิลปะบาหลีในแต่ละยุคสมัย ผลงานชิ้นเอก ได้แก่ ผลงานของศิลปิน Batuan ช่วงทศวรรษที่ ๑๙๓๐-๑๙๔๐ ผลงานของศิลปินชาวชวาในศตวรรษที่ ๑๙  Raden Saleh Syarif Bustaman ผลงานของอาจารย์ศิลปะชาวบาหลี และผลงานของศิลปินต่างชาติที่พำนักอาศัยในบาหลี ๒) ลานกลางแจ้งสำหรับจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรม ซึ่งเน้นสื่อสารถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบดั้งเดิมของคนท้องถิ่น ส่งเสริมการเรียนรู้และการมีส่วนร่วมของผู้เข้าชม เช่น การแสดงละคร การฟ้อนรํา การเล่นดนตรีพื้นเมือง การสอนศิลปะแบบบาหลี การทอผ้า การปรุงอาหาร เป็นต้น การจัดแสดงผลงานทางศิลปะอันทรงคุณค่าและการจัดแสดงกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่มีความหลากหลายทำให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้น่าสนใจ สามารถตอบสนองความต้องการของผู้เข้าชมกลุ่มต่าง ๆ ได้แก่ เด็ก เยาวชน ผู้ใหญ่ รวมทั้งนักท่องเที่ยว
ที่ต้องการศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับศิลปะ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของชาวบาหลี

๓. การจัดการพุทธสถานบุโรพุทโธ
     คณะกรรมาธิการฯ ได้เยี่ยมชมพุทธสถานบุโรพุทโธและพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้บริหารกิจการบุโรพุทโธ
     บุโรพุทโธตั้งอยู่ในเมืองมาเกอลัง (Magelang) จังหวัดชวากลาง เป็นศาสนสถานของพุทธศาสนานิกายมหายาน สร้างขึ้นโดยกษัตริย์แห่งราชวงศ์ไศเลนทร์ราวศตวรรษที่ ๗–๙ ตามแบบฉบับศิลปะคุปตะ รูปแบบฮินดู–ชวา โดยสร้างจากหินภูเขาไฟ มีลักษณะรูปทรงแบบพีระมิดขั้นบันได มีทั้งหมด ๑๐ ชั้น มหาสถูปตั้งอยู่กึ่งกลางของฐานชั้นบนสุดตามลักษณะของเขาพระสุเมรุ การวางผังการก่อสร้างและองค์ประกอบทางศิลปกรรมประกอบด้วย ภาพสลักนูนต่ำ พระพุทธรูป สถูปเจดีย์ ล้วนเป็นสัญลักษณ์สะท้อนคติความเชื่อเรื่องจักรวาลในพุทธศาสนา ช่วงศตวรรษที่ ๑๙ บุโรพุทโธได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติและได้รับการบูรณะซ่อมแซมเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2398 ต่อมาองค์การยูเนสโกได้สนับสนุนด้านเงินทุนและถ่ายทอดองค์ความรู้ในการปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ ก่อนประกาศให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ภายใต้ชื่อ "กลุ่มวัดบรมพุทโธ" เมื่อปี พ.ศ. 2534 ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ ๑๕ ที่เมืองคาร์เทจ ประเทศตูนิเซีย 
     แต่เดิมบุโรพุทโธเป็นพุทธสถานที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมโดยไม่มีการประกอบกิจกรรมทางศาสนา ต่อมารัฐบาลอินโดนีเซียฟื้นฟูหน้าที่ทางศาสนาโดยการส่งเสริมให้เป็นสถานที่ประจำชาติสำหรับประกอบพิธีกรรมในวันวิสาขบูชา ในด้านการบริหารจัดการ องค์กรบริหารกิจการบุโรพุทโธ (PT. Taman Wisata Candi Borobudur: TWCB) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ มีหน้าที่รับผิดชอบด้านการอนุรักษ์ สงวนรักษา บูรณปฏิสังขรณ์ รวมถึง ส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางมรดกโลกชั้นนำในการวางแผนพัฒนาการท่องเที่ยว ได้กำหนดเป้าหมายยกระดับบุโรพุทโธให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีศักยภาพ นักท่องเที่ยวซึ่งเดินทางเข้ามาเยี่ยมชมส่วนใหญ่มีรูปแบบพฤติกรรมการท่องเที่ยวที่ชื่นชอบแหล่งท่องเที่ยวทางศาสนาและวัฒนธรรม ดังนั้น การพัฒนาบุโรพุทโธจึงเน้นการสร้างคุณค่าทางศาสนาในฐานะเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธในอินโดนีเซียโดยมีการจัดกิจกรรมอย่างยิ่งใหญ่ในช่วงวันวิสาขบูชาเป็นประจำทุกปี เช่น การจัดริ้วขบวนผู้ร่วมแสวงบุญ กิจกรรมการบริจาคทาน การเจริญจิตภาวนา การจัดพิธีลอยโคมในเวลากลางคืน เป็นต้น นอกจากนั้น ยังเน้นการเชื่อมโยงกับชุมชน โดยให้ชุมชนได้รับประโยชน์ทางเศรษฐกิจ อาทิ การจัดตลาดนัดสินค้าอุปโภคบริโภค การจําหน่ายของฝาก สินค้าที่ระลึกท้องถิ่น เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับท้องถิ่น เกิดความภาคภูมิใจในแหล่งมรดกโลกที่อยู่ในท้องถิ่นของตน อันนำไปสู่การมีส่วนร่วมในการรักษาทำนุบำรุงให้ดำรงอยู่ต่อไปอย่างยั่งยืน

๔. การท่องเที่ยวเมืองยอกยาการ์ตา
     คณะกรรมาธิการฯ นําโดย พลเอก กิตติพงษ์ เกษโกวิท กรรมาธิการและที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ เข้าร่วมประชุมหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านการท่องเที่ยวกับคณะกรรมการการท่องเที่ยวของยอกยาการ์ตา 
     ยอกยาการ์ตาคือศูนย์กลางของศิลปวัฒนธรรมชวาและเป็นประตูสู่การท่องเที่ยวแถบตอนกลางของเกาะชวาซึ่งมีแหล่งมรดกโลกคือกลุ่มวัดบุโรพุทโธและกลุ่มวัดพรัมบานัน (Prambanan Temple Compounds) นอกจากนั้น ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและแหล่งท่องเที่ยวที่แสดงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมในเขตพื้นที่ใกล้เคียงจนสามารถผลักดันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เช่น  
     - Kulon Progo เป็นเขตภูเขา อุดมสมบูรณ์ด้วยป่าไม้และความงดงามของทิวทัศน์ธรรมชาติ 
     - Gunung Kidul โดดเด่นด้านการท่องเที่ยวชุมชนซึ่งยังคงรักษาเอกลักษณ์และวิถีชีวิตท้องถิ่น
ไว้เป็นอย่างดี โดยเจ้าหน้าที่ของสํานักวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวได้จัดฝึกอบรมภาษาอังกฤษและการให้บริการนักท่องเที่ยวแก่คนในพื้นที่เพื่อเตรียมความพร้อมด้านการท่องเที่ยว 
     - Bantul เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ประกอบด้วยหมู่บ้านเครื่องปั้นดินเผา หมู่บ้านบาติก หมู่บ้านการเกษตร นอกจากนั้น ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอย่างหาดปารังตรีตีส (Parangtritis Beach) ซึ่งโดดเด่นด้วยหาดทรายสีดําอันเกิดจากเถ้าถ่านของภูเขาไฟเมอราปี
ยอกยาการ์ตาได้รับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและยกระดับการบริการด้านการท่องเที่ยว มีโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติแห่งใหม่ เพื่อตอบสนองต่อปริมาณนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต รวมทั้ง รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ในการนี้ คณะกรรมการการท่องเที่ยวของยอกยาการ์ตาหวังว่าจะมีการเปิดเส้นทางบินตรงจากไทยมายังยอกยาการ์ตาเพื่อเพิ่มโอกาสในการเดินทางท่องเที่ยวให้มากยิ่งขึ้น

ข้อเสนอแนะ
     ๑. รัฐบาลควรส่งเสริมการท่องเที่ยวทางศาสนาและวัฒนธรรมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพที่สามารถสร้างคุณค่าให้แก่นักท่องเที่ยว และรัฐบาลควรเสริมสร้างอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของท้องถิ่นเพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่ทรัพยากรที่มีอยู่แล้วให้มีความโดดเด่นจนสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ ปลุกจิตสำนึกของชุมชนให้รู้ถึงคุณค่าของประเพณีวัฒนธรรมดั้งเดิม วิถีชีวิตอันเป็นเอกลักษณ์ รวมทั้งสนับสนุนบทบาทของท้องถิ่น/ชุมชนให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเที่ยว
     ๒. รัฐบาลควรมีนโยบายอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อส่งเสริมให้พิพิธภัณฑ์เป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมทั้ง ประชาสัมพันธ์เชิงรุกรณรงค์ให้ประชาชนเห็นคุณค่าของการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชาติ โดยจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอต่อการดำเนินงาน ในส่วนของพิพิธภัณฑ์เอกชน รัฐควรให้การสนับสนุนทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น การให้เงินช่วยเหลือ การลดหย่อนภาษี เป็นต้น
     ๓. พิพิธภัณฑ์ควรจัดกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อดึงดูดผู้เข้าชมทุกกลุ่มทุกวัย เช่น การจัดนิทรรศการถาวรและชั่วคราว การแสดงทางวัฒนธรรม การบรรยายให้ความรู้ การจัดสัมมนา การจัดค่ายเยาวชน การจัดกิจกรรมในวันสําคัญ เป็นต้น และควรสร้างเครือข่ายระหว่างพิพิธภัณฑ์กับพิพิธภัณฑ์เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ และแนวปฏิบัติที่ดีเพื่อพัฒนาด้านการบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์ รวมถึง สร้างความร่วมมือกับสถานศึกษาและองค์กรภายนอกต่าง ๆ  
     ๔. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยควรเรียนรู้ และส่งเสริมบทบาทของชุมชนในการปกป้อง ดูแล ทำนุบำรุงโบราณสถานในพระพุทธศาสนาบนพื้นฐานของความรับผิดชอบและการตระหนักรู้ถึงคุณค่าและความสำคัญของการอนุรักษ์ 
    
คำสำคัญ วัดในบาหลี พิพิธภัณฑ์ศิลปะอากุงราย บุโรพุทโธ การท่องเที่ยวเมืองยอกยาการ์ตา
เสาหลัก สังคมและวัฒนธรรม

เอกสารแนบ 1. รายงานการศึกษาดูงานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ



ASEAN Thailand 2019
สมัชชารัฐสภาอาเซียน
The ASEAN Secretariat
Inter-Parliamentary Union
กฎหมายในกลุ่มอาเซียน
ASEAN Thailand 2019
สมัชชารัฐสภาอาเซียน
The ASEAN Secretariat
Inter-Parliamentary Union
กฎหมายในกลุ่มอาเซียน

กลุ่มงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรปฏิบัติหน้าที่สำนักงานศูนย์ประชาคมอาเซียนของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร

โทร 022425900 ต่อ 7462

facebook   youtube

จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ 1,215,417
(ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565)

Tawdis WCAG 2.0 (Level AA)

คลิกดูสถิติการเข้าชมเว็บไซต์สภาผู้แทนฯ
sitemap แผนผังเว็บไซต์

หน้าหลัก

แนะนำองค์กร

ข้อมูลประชาคมอาเซียน

● ประวัติอาเซียน

● วิสัยทัศน์อาเซียน

● กฎบัตรอาเซียน

● สำนักงานเลขาธิการอาเซียน

● ประธานอาเซียน

● เลขาธิการอาเซียน

รัฐสภาไทยกับอาเซียน

● การเยือนประเทศสมาชิก

● การรับรองบุคคลสำคัญ

● สมัชชารัฐสภาอาเซียน AIPA

● กลุ่มมิตรภาพ

● พลเมืองอาเซียน

● อินไซต์อาเซียนและรอบโลก

○ อินไซต์อาเซียน
○ รอบโลก

การวิจัยและพัฒนากฎหมาย

● งานวิจัยและพัฒนากฏหมาย

● งานวิชาการ

○ ประชาคมการเมืองและความมั่นคง
○ ประชาคมเศรษฐกิจ
○ ประชาคมสังคมและวัฒนธรรม

● เอกสารวิชาการอื่นๆ

FAQ

ติดต่อเรา

ภาพข่าวกิจกรรม

ข่าวสารอาเซียน

งานวิจัยและพัฒนากฎหมาย

กฎหมายเปรียบเทียบ

● รัฐธรรมนูญของประเทศสมาชิกอาเซียน

● การเสริมสร้างความร่วมมือในภูมิภาคในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ

● ความร่วมมือในภูมิภาคในเรื่องการต่อต้านอาชญากรรมทางไซเบอร์

● ความร่วมมือทางอาญาในภูมิภาคอาเซียนในเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดน

● พันธกรณีตาม ASEAN Economic Economy Blueprint 2025

● การศึกษาเปรียบเทียบกลไกระงับข้อพิพาทการลงทุนหรือกฎหมายว่าด้วยอนุญาโตตุลาการ

● การศึกษาเปรียบเทียบกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว

● กฎหมายว่าด้วยการแข่งขันที่เป็นธรรมทางการค้า

● ทรัพย์สินทางปัญญา

● การยอมรับและการบังคับคดีตามคาพิพากษาของศาลต่างประเทศ

● การอำนวยความสะดวกทางการค้า

● พาณิชย์อิเลคทรอนิกส์ของอาเซียน

● มาตรฐานแรงงานในอาเซียน

● กฎหมายตามพันธกรณีความร่วมมือของประชาคมอาเซียนด้านประชาคมสังคมและวัฒนธรรม การคุ้มครองสิทธิมนุษยชน

● การยอมรับและการบังคับคดีให้เป็นไปตามคาพิพากษาของศาลต่างประเทศในคดีแพ่งหรือพาณิชย์

● การรับรองความถูกต้องแท้จริงของเอกสารราชการ