เอกสารวิชาการ ฉบับที่ 11/2567 สถานการณ์และแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2567 - 2568
จำนวนอ่าน: 135 ครั้ง
คณะรัฐมนตรีชุดที่ 64 เริ่มบริหารประเทศตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 และจะสิ้นสุดวาระในปี 2570 โดยมีระยะเวลาบริหารประมาณ 2 ปี 8 เดือน ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวจาก COVID-19 แต่ยังคงได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงในปี 2565
รัฐบาลต้องเผชิญกับภาระหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้น ทำให้อัตราส่วนหนี้ต่อ GDP เพิ่มจาก 41% ในปี 2562 มาเป็น 63% ในเดือนกรกฎาคม 2567 และต้องจัดสรรงบประมาณมากขึ้นสำหรับชำระหนี้ ส่งผลให้ลดงบพัฒนาประเทศ
ด้านการจัดเก็บรายได้ รัฐจัดเก็บภาษีได้ไม่เป็นไปตามประมาณการ โดยเฉพาะภาษีน้ำมันและภาษีจากสินค้ายาสูบ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และการผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงอย่างมากในช่วงปี 2565 - 2567 อย่างไรก็ตาม การส่งออกสินค้าเกษตรและการท่องเที่ยวมีแนวโน้มดีขึ้น โดยในปี 2567 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยประมาณ 36.5 ล้านคน
ขณะที่อัตราว่างงานอยู่ในระดับต่ำ และอัตราเงินเฟ้อปรับลดลง ส่งผลให้มีในปี 2568 คาดการณ์ว่ารัฐบาลอาจใช้นโยบายการเงินลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการบริโภคและการลงทุน
ทั้งนี้ การขยายตัวของ GDP ในปี 2567 คาดว่าจะอยู่ที่ 2.5% และ 3% ในปี 2568 อาจไม่เพียงพอต่อการลดหนี้สาธารณะและส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจ
รัฐบาลต้องเผชิญกับภาระหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้น ทำให้อัตราส่วนหนี้ต่อ GDP เพิ่มจาก 41% ในปี 2562 มาเป็น 63% ในเดือนกรกฎาคม 2567 และต้องจัดสรรงบประมาณมากขึ้นสำหรับชำระหนี้ ส่งผลให้ลดงบพัฒนาประเทศ
ด้านการจัดเก็บรายได้ รัฐจัดเก็บภาษีได้ไม่เป็นไปตามประมาณการ โดยเฉพาะภาษีน้ำมันและภาษีจากสินค้ายาสูบ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และการผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงอย่างมากในช่วงปี 2565 - 2567 อย่างไรก็ตาม การส่งออกสินค้าเกษตรและการท่องเที่ยวมีแนวโน้มดีขึ้น โดยในปี 2567 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยประมาณ 36.5 ล้านคน
ขณะที่อัตราว่างงานอยู่ในระดับต่ำ และอัตราเงินเฟ้อปรับลดลง ส่งผลให้มีในปี 2568 คาดการณ์ว่ารัฐบาลอาจใช้นโยบายการเงินลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการบริโภคและการลงทุน
ทั้งนี้ การขยายตัวของ GDP ในปี 2567 คาดว่าจะอยู่ที่ 2.5% และ 3% ในปี 2568 อาจไม่เพียงพอต่อการลดหนี้สาธารณะและส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจ