คณะรัฐมนตรีชุดที่ 65 เริ่มบริหารราชการตั้งแต่กันยายน 2568 ถึง 13 พฤษภาคม 2570 รวมราว 1 ปี 8 เดือน (ไม่นับรวมกรณีการปฏิบัติหน้าที่ต่อเนื่องระหว่างการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดต่อไป หรือกรณีที่มีการยุบสภาผู้แทนราษฎรก่อนครบวาระ) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไทยอยู่ในระหว่างการฟื้นตัว แม้จะเผชิญแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลก ค่าเงินบาทผันผวน และความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ แต่ยังมีแรงหนุนจากการลงทุนต่างประเทศและการบริโภคในประเทศ ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ไทย – กัมพูชายังคงมีบทบาทต่อเสถียรภาพและการค้าการลงทุน
ภาพรวมเศรษฐกิจไทย
- ไตรมาส 2/2568 ขยายตัว 2.8% ลดลงจาก 3.2% ในไตรมาสแรก ต่ำสุดในอาเซียน
- โครงสร้าง GDP: บริการ 60% อุตสาหกรรม 30% เกษตร 10%
- บริโภคเอกชน 58.31% ของ GDP การส่งออกพึ่งพาสูงถึง 70%
ภาคเศรษฐกิจสำคัญ
- การผลิตและจ้างงาน: ผลผลิตอุตสาหกรรมลดลงต่อเนื่อง กิจการปิด 1,950 แห่ง กระทบแรงงาน 693,727 คน
- การลงทุนและนวัตกรรม: ครึ่งปีแรก 2568 ต่างชาติยื่นลงทุน 1,369 โครงการ (+59%) มูลค่า 737,572 ลบ. แต่ค่าใช้จ่าย R&D ภาคเอกชนปี 2567 ลดลง 23.4%
- ต่างประเทศ: ส่งออกฟื้น แต่เสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกชะลอและท่องเที่ยวที่ลดลง
- การบริโภคและเงินเฟ้อ: เงินเฟ้อสิงหาคม 2568 ติดลบต่อเนื่อง (-0.79%) ดอกเบี้ยนโยบายลดเหลือ 1.50% หนี้ครัวเรือนหดตัวครั้งแรก แต่ NPL เพิ่มเป็น 1.19 ล้านล้านบาท
- การคลัง: พึ่งพาภาษีทางอ้อม 51.69% การกู้ชดเชยขาดดุลปี 2568 ราว 1.1 ล้านลบ. หนี้สาธารณะ 64.49% ของ GDP ใกล้เพดาน 70%
ความท้าทายหลัก
- โครงสร้างประชากร: เข้าสู่สังคมสูงวัย ส่งผลต่อแรงงาน ผลผลิต และการคลัง
- ภัยธรรมชาติและ Climate Change: เสี่ยงต่อทรัพยากรและเศรษฐกิจ ต้องมีมาตรการปรับตัว
- เศรษฐกิจสีเขียว: ต้องเร่งลงทุนพลังงานสะอาด EV เทคโนโลยีสีเขียว และโครงสร้างพื้นฐานปรับตัว
- สงครามการค้าและเศรษฐกิจโลกผันผวน: กระทบการส่งออกและรายได้ ต้องเสริมความเชื่อมั่นเศรษฐกิจฐานราก
- AI และเทคโนโลยี: เปลี่ยนโครงสร้างแรงงาน งานบางประเภทถูกแทนที่ ส่งผลต่อรายได้และภาษี