สรุปผลการศึกษาการจัดสรรงบลงทุนเพื่อลดความยากจนในจังหวัดยากจนสูง (2562–2567)
การศึกษานี้วิเคราะห์แนวโน้มและประสิทธิภาพของงบลงทุนที่รัฐจัดสรรลงพื้นที่จังหวัด โดยเฉพาะใน 3 จังหวัดที่มีระดับความยากจนสูงที่สุด ได้แก่ ปัตตานี แม่ฮ่องสอน และนราธิวาส ในช่วงปีงบประมาณ 2562–2567 พร้อมเปรียบเทียบกับระดับความยากจนและศักยภาพทางเศรษฐกิจในแต่ละพื้นที่
ประเด็นสำคัญที่ค้นพบ
คนจนลดลง แต่ความเหลื่อมล้ำยังคงอยู่
จำนวนคนจนทั่วประเทศลดลงกว่า ร้อยละ 44 แต่ยังมี 3 จังหวัดที่ยังคงอยู่ในกลุ่มยากจนสูง และ ร้อยละ 40 ของจังหวัด กลับมีคนจนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเมืองใหญ่และปริมณฑลที่เจริญแต่ความยากจนยังแฝงอยู่ในบางมิติ
งบลงทุนไม่สัมพันธ์กับระดับความยากจน
พบว่า งบประมาณที่จัดสรรยัง ไม่ได้อิงกับ “สัดส่วนคนจน” อย่างชัดเจน จังหวัดเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพกลับได้รับงบมากกว่าจังหวัดยากจนสูง ซึ่ง สวนทางกับแนวคิดการพัฒนาอย่างทั่วถึง
เน้นสร้างถนน มากกว่าชีวิตคน
โครงสร้างงบลงทุนส่วนใหญ่เน้นโครงการก่อสร้าง เช่น ถนนและสะพาน ขณะที่งบพัฒนาคุณภาพชีวิต เช่น การศึกษา สาธารณสุข และอาชีพ ยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ไม่สามารถลดความยากจนได้อย่างมีนัยสำคัญ
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
ควรนำ “สัดส่วนคนจน” มาเป็นเกณฑ์การจัดสรรงบประมาณมิติกระทรวง
ใช้ข้อมูลคนจนระดับจังหวัดเป็นปัจจัยหลักในการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายลงทุน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
ขับเคลื่อนโครงการเมกะโปรเจคในพื้นที่เปราะบาง
กำหนด “การแก้จน” เป็นวาระชาติ พร้อมลงทุนโครงการขนาดใหญ่เพื่อสร้างงานและรายได้ในพื้นที่ยากจน ตามแนวทางจีน-อินเดีย
ควรมีหน่วยงานกลางเพื่อวางยุทธศาสตร์และติดตามการแก้ปัญหาด้านความยากจนโดยตรง
เช่นเดียวกับ NITI Aayog ของอินเดีย เพื่อให้การใช้งบประมาณมีประสิทธิภาพ และตอบเป้าหมายเชิงพื้นที่
ควรส่งเสริมภาคเอกชนร่วมพัฒนาในพื้นที่แต่ละจังหวัด โดย
ออกมาตรการส่งเสริมให้ภาคธุรกิจลงทุนในพื้นที่ยากจน เช่น เขตเศรษฐกิจเฉพาะกิจ พร้อมแรงจูงใจที่ชัดเจน