ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยประธานวิปฝ่ายค้าน และ สส.จังหวัดชลบุรี พรรคประชาชน แถลงข่าวเกี่ยวกับการทำงานของพรรคและมาตรการการดำเนินการต่อกรณีที่ น.ส.กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ สส.จังหวัดชลบุรี พรรคประชาชน ยุติบทบาททางการเมืองกับพรรคประชาชน
13 พฤษภาคม 2568
วันอังคารที่ 13 พฤษภาคม 2568 เวลา 13.00 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) และนายสหัสวัต คุ้มคง สส.จังหวัดชลบุรี พรรคประชาชน แถลงข่าวเกี่ยวกับการทำงานของพรรคประชาชนและมาตรการการดำเนินการต่อกรณีที่ น.ส.กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ สส.จังหวัดชลบุรี พรรคประชาชน แถลงข่าวยุติบทบาททางการเมืองกับพรรคประชาชน ยืนยันพรรคประชาชนทำงานอย่างรับฟังและเปิดกว้าง และทำงานการเมืองเพื่อรับใช้พี่น้องประชาชน
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ กล่าวว่า ตนได้รับฟังคำแถลงของ น.ส.กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ เมื่อช่วงเช้าวันนี้แล้ว ขอยืนยันว่าพรรคประชาชนทำงานอย่างรับฟังและเปิดกว้าง และสิ่งหนึ่งที่เรายืนยันมาโดยตลอดคือการทำงานการเมืองเพื่อรับใช้พี่น้องประชาชน และจากการรับฟังเหตุผลที่ น.ส.กฤษฎิ์ ได้แถลงนั้น ตนได้ข้อสรุปเป็นที่แน่ชัดว่า ส่วนใหญ่เป็นเรื่องความไม่พึงพอใจส่วนตัว ไม่ได้เป็นเรื่องปัญหาอุปสรรคในการทำงานรับใช้พี่น้องประชาชนแต่อย่างใด โดยทางพรรคมีมาตรการขั้นเด็ดขาดต่อผู้ที่ทรยศเสียงของประชาชนที่มอบความไว้วางใจให้พรรคประชาชน ซึ่งพรรคได้มีการประชุมในที่ประชุม สส. และผู้บริหารพรรคว่าจะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไรต่อไป ยืนยันว่าที่ผ่านมาทางพรรคไม่ได้มีกระบวนการใด ๆ ที่จะทำให้ น.ส.กฤษฎิ์ อึดอัดใจหรือเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน ยืนยันว่าเราจะดำเนินการทุกมาตรการที่จะทำให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรมมากที่สุด จากการที่ น.ส.กฤษฎิ์ ลงรับสมัครเลือกตั้ง ต้องยอมรับว่าประชาชนไปใช้สิทธิเนื่องจากเป็นตัวแทนของพรรคประชาชน เราต้องดำเนินการคืนความเป็นธรรมให้ประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 6 จังหวัดชลบุรี สิ่งหนึ่งที่เป็นมาตรการที่ประชาชนจะได้รับความเป็นธรรมมากที่สุดคือการ ทำให้ สส. ได้ทำตามเจตนารมณ์ตามหนังสือที่ได้ยื่นมา โดยหนังสือได้ชี้แจงเรื่องการขอยุติบทบาทกับพรรคประชาชนคือร้องขอให้ทางพรรคขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรค นั่นคือการแสดงเจตนาเจตจำนงไม่ต้องการเป็น สส.ของพรรคประชาชนอีกต่อไป ทั้งนี้ การขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรคจะต้องมีการทำความผิดทางวินัย ซึ่งทางพรรคไม่เคยถือว่าการกระทำของ น.ส.กฤษฎิ์ ไม่ใช่ความผิดทางวินัย หากยึดตามหนังสือฉบับนี้ ตามกฎหมายพรรคการเมือง รวมถึงข้อบังคับของพรรคที่ระบุไว้ชัดเจนว่า การยื่นหนังสือขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคจะต้องทำเป็นหนังสือและยื่นต่อนายทะเบียนสมาชิกพรรค ทางพรรคจึงมีความเห็นว่าหนังสือฉบับนี้ได้แสดงความเจตจำนงเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าต้องการยุติการเป็นสมาชิกของพรรคประชาชน อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความชัดเจนในด้านกฎหมาย ทางพรรคจะยื่นไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตีความว่าหนังสือฉบับนี้ถือเป็นหนังสือในการลาออกจากการสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาชนหรือไม่ หากตีความมาว่าไม่ได้เป็นการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ทางที่ประชุมพรรคและผู้บริหารพรรคก็มีมาตรการที่จะลงโทษให้ น.ส.กฤษฎิ์ ไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการในการย้ายไปยังพรรคกล้าธรรม คือจะไม่ขับออกจากพรรค แต่จะใช้มาตรการในการดองงูเห่า ทั้งนี้ จากการแถลงข่าวของ น.ส.กฤษฎิ์ ในทุกถ้อยคำพบว่าได้แสดงเจตจำนง โดยใช้คำว่าลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค แม้จะเป็นคำพูดที่ไม่ตรงกับหนังสือก็ตาม แต่ไม่ว่าหนังสือจะเขียนมาอย่างไร เรายึดที่เจตนารมณ์ของผู้เขียนเป็นตัวตั้ง และในวันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคมนี้ ตนจะเข้าพื้นที่จังหวัดชลบุรี พร้อมกับนายสหัสวัต คุ้มคง สส.จังหวัดชลบุรี และสส.จังหวัดชลบุรีทุกเขต เพื่อยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่า พรรคประชาชนพร้อมเดินหน้ารับใช้ประชาชนในทุกเขต รวมถึงเขต 6 ที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ตนในฐานะหัวหน้าพรรคได้มอบหมายนายสหัสวัต เป็นตัวแทนของพรรคในการดูแลพื้นที่เขต 6 ต่อไป
นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ได้รับฟังเหตุผลที่ น.ส.กฤษฎิ์ แถลงเมื่อเช้านี้ต่อข้อกล่าวหาในหลายข้อที่มีต่อพรรคว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมและไม่ได้รับการผลักดันนโยบายหรือประเด็นที่ตนเองต้องการขับเคลื่อน ขอชี้แจงว่า ในเรื่องของการแก้ปัญหาการทำงานในพื้นที่ที่น.ส.กฤษฎิ์ กล่าวว่าไม่เคยได้รับงบประมาณจากพรรคในการทำกิจกรรมนั้น ขอยืนยันว่าทางพรรคได้มีการสนับสนุนในการทำงานในพื้นที่มาโดยตลอด ทั้งฝ่ายนโยบายเคยอนุมัติงบประมาณส่วนกลางเพื่อให้ น.ส.กฤษฎิ์ จัดกิจกรรมรับฟังความคิดเห็นต่อการพัฒนานโยบายศรีราชาตามที่ น.ส.กฤษฎิ์ ได้ร้องขอ ซึ่งการให้งบประมาณทำกิจกรรมนั้น สส. เขตคนอื่น ๆ ก็ทำงานในพื้นที่ได้อย่างราบรื่น ได้รับการสนับสนุน และความร่วมมือจากพรรคเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ส่วนข้อกล่าวหาที่กล่าวว่า การทำงานในคณะ กมธ.การคมนาคมไม่ได้รับการสนับสนุนนั้น ขอชี้แจงว่า ตั้งแต่เริ่มเปิดสภามาเรามีการให้ สส. ทุกคนได้เสนอว่าตนเองต้องการเป็น กมธ. ในคณะใด ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะได้นั่งในคณะ กมธ.สามัญอันดับหนึ่งที่ตนเองต้องการ ซึ่ง น.ส.กฤษฎิ์ เป็น 1 ใน สส. ไม่กี่คนที่ได้ตำแหน่งในคณะ กมธ. สามัญอันดับหนึ่งที่ตนเองเลือกมาคือ กมธ.การคมนาคมเพราะพรรคเห็นว่าในพื้นที่ของ น.ส.กฤษฎิ์ มีท่าเรือแหลมฉบังและมีประเด็นที่ น.ส.กฤษฎิ์ จะขับเคลื่อนในคณะ กมธ.ได้ จากนั้นได้มีญัตติที่ถูกส่งไปยังคณะ กมธ.การคมนาคมคือ ญัตติเกี่ยวกับการพัฒนาท่าเรือซึ่งเสนอโดย นายภัณฑิล น่วมเจิม สส.พรรคประชาชน และทางพรรคได้ให้โอกาส น.ส.กฤษฎิ์ เป็นรองประธานคณะ กมธ.คนที่หนึ่ง ในคณะอนุ กมธ. ภายใต้คณะ กมธ.การคมนาคม ซึ่งในสัดส่วนของอนุ กมธ. และที่ปรึกษาคณะ กมธ. ก็ได้เปิดโอกาสให้ น.ส.กฤษฎิ์ เสนอชื่อได้อย่างเต็มที่โดยไม่มีการปิดกั้นแต่อย่างใด และอนุ กมธ.นี้ ได้มีมติให้ศึกษาดูงานเพื่อรับฟังปัญหาต่าง ๆ เกี่ยวกับประชาชนที่อยู่ในเขตท่าเรือแหลมฉบังและมีการไปดูงานมาแล้ว จึงเป็นอีกข้อหนึ่งที่ยืนยันว่าเราสนับสนุนการทำงานของ น.ส.กฤษฎิ์ ในประเด็นที่ต้องการจะขับเคลื่อนอยู่ตลอด
อีกหนึ่งข้อกล่าวหาคือการไม่ได้รับความเคารพเรื่องสถานะทางเพศนั้น ยืนยันว่าตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล มาจนถึงพรรคประชาชน นี่คือค่านิยมหลักที่เราให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งคือการโอบรับความหลากหลายทางเพศ โอบรับความหลากหลายทางความเชื่อทุกรูปแบบ และขอยืนยันว่าไม่มีการเหยียดสถานะทางเพศของ สส. คนใดหรือประชาชนคนใดอย่างแน่นอน และหากมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเราจะถือว่านี่เป็นการผิดวินัยเพราะเป็นการไม่เคารพต่ออุดมการณ์หลัก คุณค่าหลักที่พรรคยึดถือ นอกจากนั้น ทางพรรคยังได้เปิดพื้นที่ให้ น.ส.กฤษฎิ์ ทำงานด้านความหลากหลายทางเพศ โดยร่วมอยู่ในทีมสภาความหลากหลายทางเพศเชิงประเด็นของพรรค มีส่วนร่วมในการผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียม ได้มีส่วนร่วมอยู่ในทีมการยกร่างกฎหมายรับรองเพศ และพรรคได้มอบหมายให้ น.ส.กฤษฎิ์ ยกร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยเทคโนโลยีอนามัยการเจริญพันธุ์ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายสมรสเท่าเทียมที่ถึงแม้ว่าขณะนี้อาจจะยังไม่สำเร็จครบถ้วนก็ตาม แต่พรรคก็เปิดพื้นที่ให้ น.ส.กฤษฎิ์ ได้ทำงานอย่างเต็มที่ และทางพรรคได้เคยสนับสนุนงบประมาณในการทำกิจกรรมในพื้นที่ของ น.ส.กฤษฎิ์ ในการรวบรวมความเห็นของผู้มีความหลากหลายทางเพศเกี่ยวกับสิทธิของผู้มีความหลากหลายทางเพศในพื้นที่ศรีราชา และอีกประเด็นหนึ่งที่ น.ส.กฤษฎิ์ ได้กล่าวหาทางพรรคคือเรื่องเหตุการณ์การปรึกษาหารือ 2 นาที ก่อนการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 โดยยืนยันว่า มีการไปพูดคุยกับ น.ส.กฤษฎิ์ หลังจากเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริง แต่สิ่งที่เราพูดคุยกันนั้นไม่ใช่เรื่องของเนื้อหาหรือความไม่พอใจ แต่สิ่งที่ไม่พอใจคือเวลาปรึกษาหารือ 2 นาที ก่อนเปิดประชุมนั้นควรเป็นเวลาที่มาสะท้อนปัญหาของส่วนรวม ควรเป็นเวลาที่สะท้อนปัญหาของประชาชนเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเรื่องนั้นไปแก้ไข ไม่ใช่พูดความต้องการส่วนตัวว่าตนต้องการทำอะไร สภาไม่ใช่เวทีที่จะมาพูดถึงความต้องการส่วนตัว อย่างไรก็ตาม พรรคยืนยันว่าสิ่งที่ น.ส.กฤษฎิ์ หารือนั้นไม่ได้เป็นความผิด ไม่ได้มีการดำเนินการทางวินัยใด ๆ หลังจากเหตุการณ์นั้น ถือเป็นเพียงการพูดคุยหารือกันเท่านั้น ไม่ได้มีการลงโทษและไม่ได้มองว่าเป็นความผิดใด ๆ ทั้งสิ้น และตนยืนยันว่าได้พูดว่าขอให้เหตุการณ์นี้ผ่านไปและให้ทุกคนร่วมงานกันในฐานะเพื่อนร่วมอุดมการณ์เช่นเดิม และประเด็นที่ น.ส.กฤษฎิ์ กล่าวว่าทางพรรคเตรียมส่งคนมาลงสมัคร สส. แทน ว่า ทางพรรคไม่มีนโยบายในหาส่งคนมาสมัครแทน การส่งใครลงสมัคร สส. หรือไม่นั้น พรรคมีกระบวนการและมีกรอบเวลาที่ชัดเจน และสื่อสารกับ สส. ทุกคนอยู่แล้ว
นายสหัสวัต คุ้มคง กล่าวเพิ่มเติมว่า การสร้างพรรคกับการสร้างคนนั้นเป็นเรื่องเดียวกัน การทำงานของพรรคประชาชนคือการสร้างเครือข่ายคนที่จับต้องได้ให้เป็นรูปธรรมมากที่สุด โดยได้มีเครือข่ายเชิงประเด็นต่าง ๆ ที่ทำงานกันอย่างแข็งขัน อาทิ เครือข่ายแรงงาน และเครือข่าย LGBT ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือการสร้างคนอย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีหลักสูตรต่าง ๆ ที่ให้สมาชิกพรรคได้เข้ามามีส่วนร่วมในการเรียนรู้ได้ตลอด