นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ พร้อมด้วย สส.พรรคก้าวไกล เป็นตัวแทนจากคณะกมธ.การเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน รับยื่นหนังสือจากตัวแทนกลุ่มภาคประชาสังคมและชุมชนผู้มีความหลากหลายทางเพศ เรื่อง การใช้คำนำหน้านามในธุรกรรมและธุรกรรมออนไลน์ของธนาคาร
28 กุมภาพันธ์ 2567
วันพุธที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 14.00 นาฬิกา ณ จุดรับยื่นหนังสือ ชั้น 1 (โซนกลาง) อาคารรัฐสภา นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ พร้อมด้วย สส.พรรคก้าวไกล เป็นตัวแทนจากคณะกมธ.การเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน รับยื่นหนังสือจากตัวแทนกลุ่มภาคประชาสังคมและชุมชนผู้มีความหลากหลายทางเพศ เรื่อง การใช้คำนำหน้านามในธุรกรรมและธุรกรรมออนไลน์ของธนาคาร
จากกรณีที่ ผศ.เคท ครั้งพิบูลย์ อาจารย์ประจำคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ได้สอบถามธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ เรื่องการระบุคำนำหน้านามบุคคลในการทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์นั้นสามารถเปลี่ยนคำนำหน้านามจาก นาย เป็น คุณ ได้หรือไม่ และได้รับแจ้งจากธนาคารจะยึดตามเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานราชการ และเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 67 ได้มีการนำเสนอข่าวโดยสำนักข่าวข่าวสดออนไลน์ เรื่อง SCB ชี้แจงกรณี ปอย ตรีชฎา ใช้คำนำหน้าว่า คุณ หลังดราม่าเลือกปฏิบัติ และมีบุคคลติดต่อสอบถามไปยังธนาคารไทยพาณิชย์ ณ ที่ทำการสาขา และโทรศัพท์สอบถามผ่านบริการศูนย์บริการลูกค้าผ่านการนำเสนอผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาที่แสดงว่าธนาคารยังไม่สามารถเปลี่ยนคำนำหน้านามได้และจะยึดตามบัตรประจำตัวประชาชน อย่างไรก็ตาม การที่มีการระบุนำหน้านาม เช่น คุณ หรือ ดร. ในบัญชีธนาคารและปรากฎอยู่ในหลักฐานธุรกรรมการออนไลน์จึงไม่สอดคล้องกับเอกสารทางราชการ เช่น บัตรประจำตัวประชาชน ทั้งนี้ ประเด็นคำนำหน้านามในกลุ่มกะเทย สาวประเภทสอง และคนข้ามเพศ ในประเทศไทยยังคงระบุคำนำหน้าตามเพศกำเนิดตามบัตรประจำตัวประชาชนในเอกสารของภาคเอกชน ไม่สอดคล้องกับเพศสภาพและส่งผลกระทบต่อการยืนยันตัวตนและเกิดเป็นการเลือกปฏิบัติทางเพศ จากกรณีดังกล่าวได้สร้างความสับสนต่อบริการของธนาคารทำให้เกิดความแตกต่างและสะท้อนถึงความไม่เท่าเทียมและไม่เป็นธรรมต่อผู้ใช้บริการ ไม่เป็นไปตามมาตรฐานและนโยบายการให้บริการสำหรับภาคการเงินและธนาคาร โดยเฉพาะในปัจจุบันแนวคิดธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนได้ทำให้เกิดนโยบายเรื่องความหลากหลาย (Diversity) ความเท่าเทียม (Equality) และการมีส่วนร่วม (Inclusion) หรือ DEI ที่ภาคการเงินและธนาคารของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทยได้ประกาศเป็นนโยบายหรือจรรยาบรรณของธนาคารจึงขอร้องเรียนต่อคณะ กมธ. พิจารณาศึกษาปัญหาข้างต้นเพื่อให้ประชาชนได้รับรู้และเข้าใจเรื่องมิติเพศสภาพกับภาคธุรกิจเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเลือกปฏิบัติต่อไป
ด้านนายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยกัน เพราะเรื่องอัตลักษณ์ทางเพศยังไม่เป็นที่เข้าใจในสังคมมากนัก แต่จากการขับเคลื่อนของทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นในฐานะผู้แทนราษฎร กลไกรัฐสภา และชุมชนผู้มีความหลากหลายทางเพศ ที่ทุกคนทำงานอย่างเข้มแข็ง ทั้งนี้ ตนจะส่งเรื่องดังกล่าวให้คณะกมธ.การเงินฯ ต่อไป ซึ่งหลักการสิทธิมนุษยชนและการดำเนินธุรกิจเป็นสิ่งที่ต้องควบคู่กันทั้งด้านการจ้างงานและการให้บริการ เราคงต้องหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดคุยและพัฒนาให้เกิดการตระหนักถึงอย่างกว้างขวาง จึงต้องการเรียกร้องให้คำนึงถึงในทุกมิติ ไม่เพียงแค่การกู้หรือถอนเงินเท่านั้น แต่การใช้บริการด้านอื่น ๆ ก็ต้องมีการเคารพสิทธิมนุษยชนในทุกมิติ ทั้งผู้ใช้บริการ ผู้ให้บริการ และผู้ที่เป็นแรงงาน โดยจะรับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณา และหวังว่าจะได้ข้อเสนอแนะสู่สังคมต่อไป