ประธานคณะ กมธ. การสาธารณสุข พร้อมด้วย น.ส.กัลยพัชร รจิตโรจน์ รองประธานคณะ กมธ. คนที่หนึ่ง ร่วมกันแถลงข่าว
19 กันยายน 2567
วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน 2567 เวลา 14.30 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายทศพร เสรีรักษ์ ประธานคณะ กมธ.การสาธารณสุข พร้อมด้วย น.ส.กัลยพัชร รจิตโรจน์ รองประธานคณะ กมธ. คนที่หนึ่ง ร่วมกันแถลงข่าวประเด็น สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งคณะ กมธ.ได้มีการติดตามงบประมาณด้านสาธารณสุขของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะงบประมาณในส่วนของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ “บัตรทอง 30 บาท” ที่มีสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ทำหน้าที่บริหารจัดการกองทุนฯ มาอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมาได้มีปัญหาในเรื่องผลกระทบงบประมาณของผู้ป่วยในที่ไม่เพียงพอ ที่ส่งผลให้มีโรงพยาบาลออกมาสะท้อนถึงปัญหาขาดทุนในการดูแลผู้ป่วยบัตรทองในช่วงต้นปีที่ผ่าน โดยคณะกมธ. ได้เชิญกระทรวงสาธารณสุข สปสช. ชมรมโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลสระบุรี มาร่วมประชุมชี้แจงปัญหาที่เกิดขึ้น ต่อคณะ กมธ. โดย กรณีผู้ป่วยในจะใช้ในการดูแลผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ซึ่งการจ่ายชดเชยค่าบริการจะใช้วิธีการคำนวณแบบค่าน้ำหนักสัมพันธ์ แบบวินิจฉัยโรคร่วม หรือ Adj RW (Adjusted Relative Weight) หรือจ่ายต่อหน่วยความซับซ้อนของโรค ซึ่งในงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 นี้ ด้วยจำนวนผู้ป่วยในที่เข้ารับบริการเพิ่มมากขึ้น หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19 ) โรคที่ซับซ้อนมากขึ้น ศักยภาพในการรักษาโรคที่ซับซ้อนเพิ่มขึ้น ทำให้งบประมาณที่ได้จัดสรรเพียงจำนวน 40,269 ล้านบาท คาดว่าจะไม่เพียงพอในการจ่ายที่อัตรา 8,350 บาทต่อหน่วย จนถึงสิ้นปีงบประมาณนี้ คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ รับทราบปัญหาที่เกิดขึ้น และได้มีมติให้ปรับอัตราจ่ายสำหรับค่าใช้จ่ายในเดือนมิ.ย.67 เป็นต้นไป ในอัตรา 7,000 บาทต่อหน่วย พร้อมกันนี้ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์ฯ ได้พิจารณาข้อมูลเกี่ยวกับต้นทุนการให้บริการ สาเหตุของปัญหาและเงินบำรุงคงเหลือหลังหักหนี้สินของโรงพยาบาลของรัฐทุกแห่งที่อยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อแก้ไขปัญหาและพิจารณาต้นทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน รวมถึงความเป็นไปได้ในการขอรับจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม
สำหรับการประชุมของคณะ กมธ.ในวันนี้ (19ก.ย.67) ทางชมรมโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลสระบุรี ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้รับผลกระทบ ได้มีข้อเสนอต่อคณะกมธ. เป็น 3 ระยะ ดังนี้
1. ระยะสั้น ค่าใช้จ่ายผู้ป่วยในต้องจ่ายในอัตราขั้นต่ำ 8,350 บาทต่อหน่วย
2. ระยะกลาง งบผู้ป่วยในปีงบประมาณ 2568 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ต้องไม่เปลี่ยนไปใช้ในวัตถุประสงค์อื่น และ
3. ระยะยาว ต้องนำต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงมาคำนวณกรอบงบประมาณ การเพิ่มสิทธิประโยชน์จะต้องมีงบประมาณมาสนับสนุนเพิ่มเติม และปรับแก้ไขพ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้เหมาะสม เช่น ยกเลิกการหักเงินเดือนในค่าบริการผู้ป่วยใน ปรับองค์ประกอบของคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้เพิ่มองค์ประกอบของผู้ให้บริการ และกระจายอำนาจให้ระดับเขตสุขภาพมากกว่าส่วนกลาง
นอกจากนี้ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการบริการของโรงพยาบาลในการดูแลประชาชน ทางคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ยังได้เสนอของบ กลางเพิ่มเติมจากรัฐบาล โดยเมื่อวันที่ 17 ก.ย. 67 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณ จำนวน 5,924 ล้านบาท โดยจำนวนนี้นอกจากสนับสนุนการดำเนินนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่แล้ว จำนวนหนึ่งยังสามารถนำมาบริหารจัดการจ่ายชดเชยค่าบริการผู้ป่วยใน ซึ่งคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จะได้มีการหารือแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อีกครั้งในวันที่ 23 ก.ย. นี้