วันพุธที่ 30 ตุลาคม 2567 เวลา 16.15 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายพูนศักดิ์ จันทร์จำปี ประธานคณะกมธ. การที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะ รับยื่นหนังสือจาก นายสรพัช ศรีปราชญ์ สส.พรรคประชาชน เรื่อง ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน จ.สระบุรี ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำเน่าเสีย ส่งกลิ่นเหม็นรุนแรง เนื่องจากปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน จ.สระบุรี ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหา น้ำในอ่างเก็บน้ำคลองเพรียว ต.ตะกุด อ.เมือง จ.สระบุรี บริเวณคลองห้วยตะเข้ ต.กุดนกเปล้า มีกลิ่นเหม็นส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนเป็นวงกว้าง เนื่องจากน้ำในอ่างเก็บน้ำคลองเพรียวเน่าเสีย รุนแรง ล้นทะลักไปตามคลองชลประทาน แหล่งน้ำสำคัญต่าง ๆ ไปจนถึงแม่น้ำป้าสัก บริเวณเทศบาลเมืองสระบุรี สูบน้ำจากแม่น้ำป่าสักเพื่อผลิตน้ำประให้ประชาชนใช้ดำเนินชีวิตประจำวันและแหล่งน้ำอีกหลายแหล่งที่เน่าเสียและเป็นแหล่งที่ประชาชนใช้หล่อเลี้ยงชีพ ในการทำเกษตรกรรม ในพื้นที่ จ.สระบุรี
นายพูนศักดิ์ จันทร์จำปี กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า ประเด็นของน้ำเสียตามนายสรพัช ศรีปราชญ์ สส.พรรคประชาชน ได้ยื่นหนังสือนั้น ได้มีการหารือมาโดยตลอด และทราบว่าคณะ กมธ.การสาธารณสุข ได้ดำเนินการตรวจสอบและลงพื้นที่ไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากว่าการดำเนินการของทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่ได้มีการดำเนินการใด ๆ ที่เป็นรูปธรรม ทำให้ สส.ในพื้นที่มีความกังวลต่อสุขภาพของพี่น้องประชาชน ดังนั้น คณะ กมธ.จะช่วยเร่งรัดในกระบวนการการตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง และได้ขอมติที่ประชุมคณะกมธ.เรียบร้อยแล้วว่าจะขอให้กรมควบคุมมลพิษ เป็นผู้ช่วยในการเก็บตัวอย่างน้ำเน่าเสีย เพื่อนำไปทำการตรวจสอบว่ามีมลพิษและมีโลหะหนักที่สูงหรือไม่ มีความเสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพของพี่น้องประชาชนอย่างไร ทั้งนี้ คณะกมธ.กำหนดลงพื้นที่วันที่ 11 พ.ย. 67 ซึ่งในการลงพื้นที่ครั้งนี้ นอกจากจะดูเรื่องน้ำเสียแล้ว ยังต้องลงพื้นที่ตามที่ประชาชนร้องเรียนว่าได้รับความเดือดร้อนในส่วนของโรงงานรีไซเคิลที่นำเอาเถ้าถ่านจากกระบวนการเผา โดยทางโรงงานอ้างว่าทำไปเพื่อการผลิตเป็นวัสดุใหม่
ด้านนายสรพัช ศรีปราชญ์ กล่าวว่า ปัญหาน้ำในอ่างเก็บน้ำคลองเพรียวเน่าเสีย ไม่ใช่ปัญหาใหม่ที่พึ่งเกิดขึ้น แต่เป็นปัญหาที่สะสมมาเนิ่นนานจนวันนี้น้ำเน่าเสีย ส่งกลิ่นเหม็นเน่า สัตว์น้ำตาย ระบบนิเวศในน้ำและโดยรอบได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง ปัจจุบันน้ำเน่าเสียส่งเกลิ่นเหม็นได้ลุกลามเป็นวงกว้างไปหลายพื้นที่ และได้หารือในสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไข จึงยื่นหนังสือต่อประธานคณะกมธ.ที่ดินฯ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อไป