โฆษกประธานสภาฯ รับยื่นหนังสือจากตัวแทนประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากการถูกหลอกลวงให้ลงทุนในตลาดทองคำผ่านแพลตฟอร์ม
14 พฤศจิกายน 2567
วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน 2567 เวลา 10.00 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร รับยื่นหนังสือจาก นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม และคณะ เรื่อง ถูกแพลตฟอร์มหนึ่งโฆษณาเชิญชวนหลอกให้ลงทุนในตลาดทองคำ ซึ่งมีผู้เสียหายจำนวนหนึ่งมาร้องเรียนกับทางชมรม ฯ ความเสียหายจำนวนกว่า 100 ล้านบาท โดยแพลตฟอร์มดังกล่าวจะเชิญชวนให้ลงทุนในตลาดทองคำผ่านการโฆษณาชวนเชื่อผ่านเทรดเดอร์ชื่อดังแห่งหนึ่ง ทำให้ผู้ลงทุนหลายรายสนใจลงทุน แล้วเกิดการขาดทุนจำนวนมาก และเมื่อสิ้นสุดกิจกรรม ผู้ลงทุนบางรายถอนทุนคืนไม่ได้เลย บางรายได้รับการช่วยเหลือให้ถอนทุนในรูปแบบเหรียญ ACT แต่ติดเงื่อนไขการถอนเพิ่มเติม ทำให้ถอนทุนได้ยาก และมีปัญหาหลายอย่าง อาทิ ยอดเงินไม่ตรงกับที่ลงทุนหรือ เมื่อถอนถอนทุนคืน จะถูกหัก ร้อยละ 20-80 และติดเงื่อนไขการเทรดเพิ่มเติม ทำให้ไม่สามารถถอนเงินได้ บางกรณีผู้เสียหายได้รับแจ้งจากแพลตฟอร์มว่าขึ้นอยู่กับระบบว่าจะให้ถอนได้ในเหรียญอะไร แม้ว่าเวลาฝากจะสามารถเลือกเหรียญได้เอง ผู้เสียหายได้รายงานและแจ้งความออนไลน์เกี่ยวกับเหตุการณ์นี้แล้ว ซึ่งทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งให้รวมคดีมาไว้ที่ กองบัญชาการสอบสวนกลาง เนื่องจากทาง คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( ก.ล.ต ) และ กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ ปอศ. กำลังดำเนินการตรวจสอบและรวบรวมหลักฐานเพื่อส่งไปกองบัญชาการสอบสวนกลาง แต่เมื่อตัวแทนผู้เสียหายได้ติดตามทวงถามความคืบหน้าทางคดีที่มีความล่าช้า แต่ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ทำให้ ผู้เสียหายได้รับความทุกข์ใจและเดือดร้อนมาก จึงขอให้ประธานสภาฯ ใช้กระบวนการนิติบัญญัติให้ความเป็นธรรมกับกลุ่มผู้เสียหายดังกล่าว
โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า ปัจจุบันเป็นช่วงวิกฤติของสังคมไทยกับประชาชนที่ขาดความรู้ ความเข้าใจ และต้องการลงทุน ตกเป็นเหยื่อในการหลอกลวงให้ลงทุนออนไลน์ซึ่งมีกลโกงในหลายรูปแบบ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่สังคมไทยจะแก้ปัญหาดังกล่าวตั้งแต่ต้นเหตุ ด้วยการให้ความรู้ กับประชาชนในการป้องกันการถูกเอาเปรียบจากผู้ที่มีความรู้มากกว่า ดังนั้น ตนขอรับเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนดังกล่าวไว้ และจะนำกราบเรียนประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการตามกระบวนการนิติบัญญัติ และส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาแนวทางแก้ปัญหาดังกล่าวต่อไป