คณะผู้แทนรัฐสภาไทย เข้าร่วมการประชุมภาครัฐสภาในโอกาสการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 29 (COP29) วันที่สอง
19 พฤศจิกายน 2567
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2567 ณ ห้องประชุม Earth บริเวณ COP29 Green Zone สนามกีฬาโอลิมปิกบากู กรุงบากู สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน คณะผู้แทนรัฐสภาไทย นำโดย นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนรัฐสภาไทย พร้อมด้วย นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ และ น.ส.ศนิวาร บัวบาน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เข้าร่วมการประชุมภาครัฐสภาในโอกาสการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 29 (COP29) เป็นวันที่สอง โดยในเวลา 09.00 น. (เวลาท้องถิ่น ณ กรุงบากู) คณะผู้แทนรัฐสภาไทย ได้ร่วมกันให้สัมภาษณ์สำนักข่าวสิ่งแวดล้อม (GreenNews) ถึงภารกิจการประชุมภาครัฐสภาฯ เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 67 และประเด็นต่าง ๆ ที่ได้ฝากไว้กับที่ประชุมภาครัฐสภาฯ โดยเฉพาะเจตนารมณ์และเป้าหมายของประเทศไทยในด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ต้องได้รับการสนับสนุนจากต่างประเทศ
ต่อมา เวลา 10.00 นาฬิกา คณะผู้แทนรัฐสภาไทย เข้าร่วมการประชุมภาครัฐสภา เพื่อรับฟังการอภิปรายในแต่ละช่วง จำนวน 4 รายการ ในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับการแนวทางด้านการปฏิบัติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ครอบคลุมและเป็นธรรม การนำเทคโนโลยีมาจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความมั่นคงด้านสุขภาพและอาหารในสภาวะของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการโยกย้ายถิ่นฐานจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
โอกาสนี้ นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนรัฐสภาไทย ได้ร่วมอภิปรายในช่วงที่ 5 (เทคโนโลยีเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ) โดยกล่าวเน้นย้ำว่าเทคโนโลยีเป็นสิ่งสำคัญต่อประเทศไทยทั้งในด้านการปรับตัว (Adaptation) และการบรรเทาผลกระทบ (Mitigation) จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากไทยเป็นหนึ่งในประเทศเปราะบางที่สุด จึงขอหารือหากที่ประชุมภาครัฐสภาฯ สนใจแลกเปลี่ยนกับไทยเกี่ยวกับความร่วมมือด้านเทคโนโลยีทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) เพื่อให้มีระบบการเตือนภัยล่วงหน้าสำหรับพื้นที่ทำการเกษตรและพื้นที่เสี่ยง นอกจากนี้ ไทยได้ส่งเสริมให้ภาคธุรกิจให้ความสำคัญกับคาร์บอนฟุตพริ้นท์จึงต้องการระบบที่มีมาตรฐานและแม่นยำ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย ประการต่อมา ไทยได้พัฒนาระบบแพลตฟอร์มซื้อขายคาร์บอนเครดิต ตามกลไก Article 6.4 ของความตกลงปารีส รวมถึงการเปิดตลาดคาร์บอน ซึ่ง AI และเทคโนโลยี Blockchain สามารถมีส่วนช่วยในเรื่องนี้ได้เช่นกัน
ต่อมา เป็นการอภิปราย ช่วงที่ 7 (การเคลื่อนย้ายของมนุษย์ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ) ซึ่ง น.ส.ศนิวาร บัวบาน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้แทนรัฐสภาไทย ได้รับการทาบทามจากสหภาพรัฐสภาให้ทำหน้าที่ร่วมอภิปรายในช่วงดังกล่าว โดยได้ฉายภาพว่าประเทศไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยมากแต่จัดอยู่ใน 10 ลำดับแรกของโลกที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมทั้งยกตัวอย่างกรณีผลกระทบจากอากาศเปลี่ยนแปลงฉับพลัน น้ำท่วม หรือภัยแล้ง ซึ่งมีผลให้เกิดการเคลื่อนย้ายของผู้คนทั้งชาวไทยเองหรือแรงงานข้ามชาติเพื่อประกอบอาชีพอื่นในพื้นที่เมือง หรือเพื่อรักษาชีวิตของตนจากภัยพิบัติ สิ่งเหล่านี้ ถือเป็นโอกาสของรัฐสภาไทยซึ่งต้องทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลเพื่อออกแบบนโยบายที่เข้มแข็ง ส่งเสริมขีดความสามารถในการปรับตัวของประชาชนและชุมชน นอกจากนี้ งบประมาณต้องได้รับจัดสรรเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงชุมชนต้องสามารถเข้าถึงข้อมูลด้านสภาพภูมิอากาศ และการส่งเสริมเกษตรกรรมยั่งยืน
ในช่วงท้ายของการประชุมภาครัฐสภาฯ คณะผู้แทนรัฐสภาไทย ได้ร่วมกับคณะผู้แทนรัฐสภาจากประเทศต่าง ๆ ในการรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมภาครัฐสภาฯ ซึ่งนำเสนอโดย เป็น Hon. Mr. Soltan Mammadov สมาชิกรัฐสภาอาเซอร์ไบจาน โดยเฉพาะการปรับปรุงเนื้อหาของร่างฯ อีกเล็กน้อย ในบางย่อหน้า ซึ่งไม่กระทบกับสาระสำคัญของร่างฯ ทั้งนี้ ที่ประชุมภาครัฐสภาฯ เห็นชอบโดยไม่มีความเห็นอื่นเพิ่มเติม
เครดิตข่าวและภาพ : ฝ่ายเลขานุการคณะผู้แทนรัฐสภาไทยฯ สำนักองค์การรัฐสภาระหว่างประเทศ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร