คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษา ปรับปรุง แก้ไขกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์เพื่อรองรับการดำเนินกิจการรังนกแอ่น และคณะ แถลงผลการพิจารณาญัตติเกี่ยวกับกิจการรังนกแอ่น ซึ่งจะทำให้ธุรกิจรังนกเป็นความหวังในการยกระดับและพัฒนาเศรษฐกิจของไทย
20 พฤศจิกายน 2567
วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน 2567 เวลา 13.30 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นางสาวสกุณา สาระนันท์ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษา ปรับปรุง แก้ไขกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์เพื่อรองรับการดำเนินกิจการรังนกแอ่น และคณะ แถลงข่าวเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของคณะ กมธ.
ตามที่สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 2 ครั้งที่ 35 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม 2567 ที่ประชุมได้พิจารณาญัตติเกี่ยวกับกิจการรังนกแอ่น จำนวน 5 ฉบับ โดยในการพิจารณาญัตตินั้นได้มีประเด็นสำคัญคือ ปัจจุบันกิจการรังนกแอ่นเป็นกิจการที่มีศักยภาพที่จะสร้างรายได้และพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศได้ โดยรังนกแอ่นในประเทศไทยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ รังนกถ้ำ (สัมปทาน) หรือรังนกตามธรรมชาติ ซึ่งจะมีกฎหมายรองรับอยู่แล้ว และรังนกบ้าน ซึ่งยังไม่ถูกกฎหมายอย่างสมบูรณ์จึงเกิดปัญหาขึ้น และเนื่องจากตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ได้ปลดล็อกให้นกแอ่นกินรังเป็นสัตว์คุ้มครอง จากเดิมที่ไม่สามารถเก็บรัง ทำอันตราย หรือมีไว้ในครอบครองได้ มาเป็นสัตว์คุ้มครองที่อนุญาตให้เก็บรัง ทำอันตราย และมีไว้ในครอบครองได้ ซึ่งทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ลงนามในกฎหมายฉบับนี้ไปเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอประกาศในราชกิจจานุเบกษา จึงเป็นที่น่ายินดีกับกลุ่มกิจการรังนกแอ่นที่จะสามารถประกอบกิจการได้อย่างถูกกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลในเรื่องของกฎหมายลูก ทั้งเรื่องการควบคุมอาคาร ผังเมือง และสุขอนามัย ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษา ปรับปรุง แก้ไขกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์เพื่อรองรับการดำเนินกิจการรังนกแอ่นขึ้น โดยคณะกรรมาธิการฯ ได้กำหนดกรอบแนวทางในการพิจารณาออกเป็น 2 ส่วน คือ รังนกถ้ำ (สัมปทาน) และรังนกบ้าน ในประเด็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งกำหนดให้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชนมาเข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมาธิการฯ 3 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 ด้านกระบวนการผลิตรังนกแอ่น กลุ่มที่ 2 ด้านการเพิ่มมูลค่า การเก็บรักษา และกลุ่มที่ 3 ด้านการขาย การตลาด และการลงทุน เพื่อพิจารณาตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ โดยการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ที่จะทำให้ธุรกิจรังนกเป็นความหวังในการยกระดับและพัฒนาเศรษฐกิจของไทย เป็นการสร้างโอกาสให้กับคนไทยทุกภาคส่วน มุ่งเน้นการแก้ไขข้อกฎหมาย หลักเกณฑ์ต่าง ๆ ไปในทางที่จะส่งเสริมมากกว่ากำกับหรือควบคุม พยายามหาจุดสมดุลว่าจะได้ประโยชน์สูงสุดจากกิจการนี้อย่างไร ในขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญในเรื่องของผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมและชุมชน ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมาธิการฯ ครั้งต่อ ๆ ไป จะพิจารณาในเรื่องของการตลาดและโอกาสต่าง ๆ เพื่อผลักดันธุรกิจรังนกแอ่นให้ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนต่อไป