คณะ กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน รับยื่นหนังสือจากทนายความ และคณะ เรื่องการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับประเทศต้นทาง
22 มกราคม 2568
วันพุธที่ 22 มกราคม 2568 เวลา 15.00 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ประธานคณะ กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน รับยื่นหนังสือจาก นายสมเกียรติ นิ่มเจริญ ทนายความ และคณะ เรื่อง การส่งตัวชาวอุยกูร์กลับประเทศ ด้วยมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมได้รับทราบข้อมูลจากองค์กรภาคประชาสังคม องค์กรสิทธิมนุษยชน กรณีที่หน่วยงานที่รับผิดชอบกักตัวชาวอุยกูร์ มีพฤติการณ์ แยกกลุ่มผู้ถูกกักกันเฉพาะชาวอุยกูร์ และความพยายามให้ลงชื่อในเอกสารโดยไม่ยินยอม กระทั่งมีการอดอาหาร และจากกรณีที่นายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร จะเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน อาจมีวาระหารือเรื่องการขอให้ส่งตัวชาวอุยกูร์ที่ถูกกักตัวอยู่ที่สถานกักตัวคนด่างด้าว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สวนพลู) กลับไปยังประเทศจีน การที่ประเทศไทยส่งบุคคลไปสู่ดินแดนที่มีเหตุควรเชื่อได้ว่าบุคคลนั้นจะได้รับอันตรายต่อชีวิต เป็นการกระทำที่ไม่สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนที่ห้ามผลักดันบุคคลกลับไปสู่อันตราย (Non-refoulement) รวมถึงการถูกคุกคามด้วยสาเหตุทางเชื้อชาติ ศาสนา สมาชิกภาพในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไม่ว่าทางสังคมหรือทางความคิด ด้านการเมือง การส่งกลับดังกล่าวขัดทั้งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและบุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 มาตรา 13 และสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่ไทยมีพันธกรณี ได้แก่ กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง และอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการกระทำอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี โดยรัฐภาคีมีหน้าที่ที่จะต้องดำเนินมาตรการทั้งทางนิติบัญญัติ บริหาร เพื่อเป็นหลักประกันว่าจะไม่มีการส่งหรือผลักดันบุคคลกลับไปสู่อันตราย ที่อาจส่งผลกระทบอย่างสำคัญต่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้ากับต่างประเทศ ตลอดจนความสัมพันธ์กับกลุ่มประเทศมุสลิม รวมทั้งความพยายามของรัฐบาลในการแก้ปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ อาจทำให้ผู้ต้องกักชาวอุยกูร์ ได้รับอันตรายต่อจิตใจและร่างกาย จนถึงแก่ชีวิตได้ ซึ่งอาจส่งผลให้ชาวอุยกูร์กว่า 40 คนที่ถูกกักตัวในประเทศไทยเกิดความวิตกกังวล และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ประเทศไทยจะประกันความปลอดภัยของชาวอุยกูร์ที่ถูกกักตัวอยู่ในประเทศไทย โดยจะไม่มีการส่งผู้ต้องกักชาวอุยกูร์กลับประเทศต้นทาง ซึ่งจะเป็นการแสดงออกที่เป็นรูปธรรมถึงความมุ่งมั่นของไทยในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนตามหลักการสากลและพันธกรณีระหว่างประเทศของไทย จึงขอร้องเรียนต่อคณะ กมธ. เพื่อเชิญบุคคลและหน่วยงานให้ข้อมูลสถานการณ์การกักตัวชาวอุยกูร์ และแนวนโยบายต่อการจัดการต่อผู้ถูกกักของรัฐบาลและแนวทางปฏิบัติของหน่วยงานราชการตามกฎหมาย ประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และบุคคลที่เกี่ยวข้อง
นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ กล่าวภายหลังรับยื่นหนังสือว่า ตนได้รับการประสานงานมาจากมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม ซึ่งเป็นองค์กรภาคประชาสังคมที่ดูแลด้านสิทธิมนุษยชน ตามที่มีข่าวว่าจะมีการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับประเทศต้นทาง ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมในสัปดาห์หน้า เพื่อเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลต่อไป