สส.พรรคประชาชน แถลงข่าว กรณีร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พร้อมมีข้อสังเกตฝากไปยังรัฐบาล
29 มกราคม 2568
วันพุธที่ 29 มกราคม 2568 เวลา 14.00 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.พรรคประชาชน แถลงข่าวกรณีร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์ ที่มีข่าวว่าคณะกรรมการกฤษฎีกากำลังเร่งจัดทำร่าง พ.ร.บ.เพื่อกลับมาเสนอขออนุมัติจาก ครม. และส่งให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ซึ่ง รมช.การคลัง ได้แสดงความคิดเห็นว่าไม่ได้กำหนดสัดส่วนพื้นที่กาสิโนในพื้นที่รวมของสถานบันเทิงครบวงจรไว้ในร่างกฎหมายฉบับนี้ ตนจึงไม่เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว และมีข้อสังเกตฝากถึงรัฐบาล 3 ประเด็น ดังนี้
1. หากร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรจะอนุญาตให้คณะกรรมการนโยบายกำหนดสัดส่วนพื้นที่กาสิโนต่อพื้นที่สถานบันเทิงครบวงจรโดยไม่มีการกำหนดสัดส่วนที่แน่นอนไว้ในกฎหมายก่อน อาทิ กำหนดสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 5 หรือ 10 ของพื้นที่ทั้งหมด และต่อมามีนักลงทุนต่างชาติเสนอมาให้มีสัดส่วนเป็นร้อยละ 50 หรือร้อยละ 100 ของพื้นที่ทั้งหมด เพื่อความคุ้มค่าการลงทุนนับแสนล้านบาทนั้น และคณะกรรมการนโยบายอนุญาตให้มีสัดส่วนตามขอ จะถือว่าขัดหลักการกฎหมายฉบับนี้ที่มุ่งเน้นเรื่องส่งเสริมการท่องเที่ยวและไม่ได้มุ่งเน้นการพนัน หรือไม่
2. แม้กฎหมายกาสิโนในสิงคโปร์จะไม่กำหนดสัดส่วนพื้นที่กาสิโนต่อพื้นที่ทั้งหมดไว้ แต่ในกฎหมายควบคุมกาสิโนของสิงคโปร์ มีการควบคุมจำนวนกาสิโนในประเทศ คือ การอนุญาตให้เปิดได้ไม่เกิน 2 แห่ง ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2573 แต่ในร่างกฎหมายของไทยไม่กำหนดจำนวนกาสิโนและได้ให้อำนาจคณะกรรมการนโยบายตัดสินใจว่าจะเปิดกาสิโนได้จำนวนกี่แห่งและที่ไหนก็ได้ ซึ่งถือเป็นการให้อำนาจคณะกรรมการนโยบายมากเกินไป
3. องค์ประกอบของคณะกรรมการนโยบาย มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน หากร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้จะถือเอาการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบคนสร้างเป็นหลักการของกฎหมาย เช่น มีโรงแรม ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร คณะกรรมการนโยบายยังจำเป็นต้องมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน หรือไม่ และมีกฎหมายใดที่เกี่ยวกับการประกอบกิจการโรงแรม ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธานหรือไม่ ร่าง พรบ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรของรัฐบาลฉบับนี้ถือเอากาสิโนซึ่งเป็นการเล่นการพนันเป็นหลักจึงต้องมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมีรัฐมนตรีอีกหลายคนมานั่งในคณะกรรมการชุดนี้ เมื่อเทียบเคียงกับกฎหมาย Casino Control Act ของสิงคโปร์ จะพบว่าองค์กรที่ควบคุมการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้คือ Gambling Regulatory Authority of Singapore ที่ไม่มีนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์เป็นประธานแต่อย่างใด ส่วนกิจการโรงแรม ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารในกาสิโน ไม่อยู่ในอำนาจขององค์กรนี้เพราะมีกฎหมายอื่นควบคุม ดังนั้น หากรัฐบาลจะผลักดันเรื่องนี้ต่อไป ควรกำหนดสัดส่วนพื้นที่กาสิโนต่อพื้นที่ทั้งหมดไว้ในร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ เพื่อรักษาหลักการของกฎหมายการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรว่าไม่ใช่กฎหมายเกี่ยวกับการพนัน และในระยะเริ่มแรกควรควบคุมจำนวนกาสิโนทั้งประเทศไว้ โดยกำหนดจำนวนกาสิโนไว้ในกฎหมายก่อนจะดีกว่า เช่น กำหนดให้มีกาสิโน 2 - 3 ใบอนุญาต และภายในระยะเวลา 20 ปี หรือ 30 ปี จะเปิดกาสิโนอีกไม่ได้เพราะเรื่องเหล่านี้จะกระทบต่อวงกว้าง