นางเทียบจุฑา ขาวขำ ประธานคณะ กมธ.การศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม มอบหมายให้นายภาณุ พรวัฒนา เลขานุการคณะกมธ. และคณะ รับยื่นหนังสือจาก พระยงยุทธ ทีปโก ประธานอนุกรรมการสิทธิมนุษยชน สิทธิชุมชน ความเหลื่อมล้ำและความเป็นธรรม มูลนิธิโพธิยาลัย เรื่อง ขอให้มีการศึกษาและปรับเปลี่ยนระเบียบ กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่ไม่เอื้อต่อยุคสมัย ไม่สอดคล้องต่อการปฏิบัติศาสนกิจของพระภิกษุสงฆ์ และกิจการของพระพุทธศาสนา
17 มกราคม 2567
วันพุธที่ 17 มกราคม 2567 เวลา 13.00 นาฬิกา ณ จุดรับยื่นหนังสือ ชั้น 1 (โซนกลาง) อาคารรัฐสภา นางเทียบจุฑา ขาวขำ ประธานคณะ กมธ.การศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม มอบหมายให้นายภาณุ พรวัฒนา เลขานุการคณะกมธ. และคณะ รับยื่นหนังสือจากพระยงยุทธ ทีปโก ประธานอนุกรรมการสิทธิมนุษยชน สิทธิชุมชน ความเหลื่อมล้ำและความเป็นธรรม มูลนิธิโพธิยาลัย นำโดย นายชลธานี เชื้อน้อย สส. พรรคก้าวไกล เรื่อง ขอให้มีการศึกษาและปรับเปลี่ยนระเบียบ กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่ไม่เอื้อต่อยุคสมัย ไม่สอดคล้องต่อการปฏิบัติศาสนกิจของพระภิกษุสงฆ์ และกิจการของพระพุทธศาสนา โดยมีข้อเสนอแนะ จำนวน 5 ข้อ ดังนี้
1. เสนอให้มหาเถระสมาคมปรับปรุงระเบียบขั้นตอนการทำหนังสือเดินทางของพระสงฆ์ (Passport) ให้สามารถดำเนินการได้ง่ายขึ้น โดยมีการปรับเปลี่ยนวิธีการให้มีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยากสอดคล้องกับการรับรองสิทธิ การเดินทางไปต่างประเทศของพระภิกษุและสามเณรให้เป็นไปโดยสะดวกจึงขอเสนอให้การขอรับรองสิทธิการเดินทางออกนอกประเทศของพระภิกษุและสามเณรให้อยู่ภายใต้การพิจารณาของเจ้าคณะจังหวัดหรือจัดให้มีการตั้งคณะกรรมการพิจารณาอนุญาตให้พระภิกษุและสามเณรเดินทางไปต่างประเทศระดับจังหวัดรวมทั้งขยายอายุหนังสือเดินทางของพระภิกษุและสามเณรให้มีระยะเวลาจาก 5 ปี เป็น 10 ปี
2. เสนอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องปรับปรุงพื้นที่ สถานีขนส่งผู้โดยสาร โรงพยาบาล ทั่วประเทศ โดยกรณีของสถานีขนส่งผู้โดยสารควรจัดให้มีที่รับรองพระสงฆ์อย่างเหมาะสม ส่วนกรณีของโรงพยาบาลควรปรับปรุงให้สามารถดำเนินการรักษาอาการอาพาธโดยการจัดพื้นที่สำหรับสงโดยเฉพาะ
3. เสนอให้มหาเถระสมาคมปรับปรุงระเบียบกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งของพระสงฆ์สังฆาธิการทุกระดับชั้นให้สามารถดำรงตำแหน่งได้ไม่เกินอายุ 70 ปี เพื่อให้การปกครองคณะสงฆ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการปรับหลักสูตรการอบรมของพระสังฆาธิการให้มีความสอดคล้องกับยุคสมัย โดยใช้หลักพุทธธรรมเป็นฐาน
4. เสนอให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติของเจ้าหน้าที่ในสังกัด โดยมีหลักเกณฑ์เพิ่มเติมประกอบด้วยจบการศึกษานักธรรมชั้นเอก ธรรมศึกษาชั้นเอก พุทธศาสตร์บัณฑิต ศาสนศาสตร์บัณฑิต บาลีศึกษา 3 หรือ เปรียญธรรม 3 ประโยค เป็นขั้นต้น
5. เสนอให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำรวจวัดร้างทั้งหมด เพื่อให้สามารถกระจายพระสงฆ์ ที่อยู่ในเขตเมือง ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก เข้าไปใช้พื้นที่ เพื่อประกอบการ ปฏิบัติศาสนกิจ หรือมีการปรับปรุงวัดร้างให้เหมาะสมสำหรับการที่พระสงฆ์สามารถเข้าไปประกอบศาสนกิจอันจะทำให้พื้นที่วัดร้างสามารถกลับมาเป็นสถานที่ปฏิบัติศาสนกิจได้ตามเดิม
ด้านนายภาณุ พรวัฒนา กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า ประธานคณะ กมธ. ติดภารกิจการประชุมสภาผู้แทนราษฎร จึงมอบหมายให้ตนมารับเรื่องดังกล่าวแทน และจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การประชุมคณะ กมธ. เพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป