โครงการสัมมนาระดมความคิดเห็นสำหรับพัฒนาการสอนรายวิชาศึกษาทั่วไปเพื่อส่งเสริมการสร้างบ้านเมืองสุจริต ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564
วันอังคารที่ 9 มีนาคม 2564 เวลา 08.45 นาฬิกา ณ ห้องประชุม ชั้น 6 อาคารรัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา
และประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสัมมนาระดมความคิดเห็นสำหรับพัฒนาการสอนรายวิชาศึกษาทั่วไปเพื่อส่งเสริมการสร้างบ้านเมืองสุจริต ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 โดยมี นางพรพิศ เพชรเจริญ
เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานกรรมการบริหารโครงการเสริมสร้างบ้านเมืองสุจริต กล่าวรายงาน
ในการนี้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คณะทำงานทางการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎร คณะกรรมการบริหารโครงการเสริมสร้างบ้านเมืองสุจริต คณะอนุกรรมการจัดทำองค์ความรู้และรูปแบบกิจกรรมในการส่งเสริมเผยแพร่ความรู้
ความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมในการเสริมสร้างบ้านเมืองสุจริต คณะอนุกรรมการเผยแพร่องค์ความรู้และปลูกจิตสำนึก
เรื่องบ้านเมืองสุจริต ผู้บริหารสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ตลอดจนอาจารย์ผู้สอนในรายวิชาทั่วไปจาก
มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐและมหาวิทยาลัยของรัฐ มหาวิทยาลัยราชภัฏ มหาวิทยาลัยราชมงคล และมหาวิทยาลัยเอกชน เข้าร่วมสัมมนา โดยโครงการสัมมนาดังกล่าว คณะอนุกรรมการจัดทำองค์ความรู้และรูปแบบกิจกรรมในการส่งเสริมเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมในการสร้างบ้านเมืองสุจริต ร่วมกับสำนักวิชาการ สำนักงาน
ประธานสภาผู้แทนราษฎร และสำนักนโยบายและแผน จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระดมความคิดเห็นสำหรับพัฒนาการสอนรายวิชาศึกษาทั่วไป เพื่อส่งเสริมการสร้างบ้านเมืองสุจริตของสถาบันอุดมศึกษาหรือเทียบเท่า รวมทั้งสังเคราะห์
และจัดทำเป็นองค์ความรู้เกี่ยวกับการเสริมสร้างคุณธรรม ความสุจริต และความซื่อสัตย์ในรูปแบบของคู่มือ เอกสาร
ประกอบการสอน หรือสื่อการสอนในรูปแบบอื่น
โอกาสนี้ ประธานรัฐสภา ได้ให้เกียรติบรรยายในหัวข้อ “บ้านเมืองสุจริต” โดยได้อัญเชิญพระบรมราโชวาทในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ได้พระราชทานไว้ในพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ ครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 12 ความตอนหนึ่งว่า "ในบ้านเมืองนี้ มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครที่จะทําให้
ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทําให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทําให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่
การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอํานาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้...”
ซึ่งยืนยันว่าในสังคมมีทั้งคนดีและคนไม่ดี หากคนไม่ดีมีอำนาจเข้าไปปกครองบ้านเมืองก็จะสร้างความเดือดร้อนเสียหายให้กับบ้านเมือง และจากประสบการณ์ในการทำงานด้านเมืองมาตลอด 52 ปี ทั้งในฐานะฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ
ทำให้เห็นว่าสิ่งที่เป็นกับดักของบ้านเมืองตลอดมาคือการทุจริตประพฤติมิชอบ ซึ่งเป็นอันตรายต่อบ้านเมืองอย่างมาก
และไม่มีแนวโน้มที่จะลดลง แม้กระทั่งรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง หรือรัฐธรรมนูญ ปี 2540 ที่เป็นช่วงที่นักการเมืองถูกดำเนินคดีและติดคุกมากที่สุด จึงทำให้เห็นว่ารัฐธรรมนูญไม่ใช่สาเหตุของ
การทุจริต แต่เป็นเรื่องของพฤติกรรมคน การเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ด้วยการออกกฎหมายก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง
ได้ทั้งหมด หากพฤติกรรมคนไม่เปลี่ยน โดยกฎหมายที่ดีจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง หากกฎหมายมีข้อบกพร่องแต่ได้
คนดีก็จะเกิดปัญหาน้อยลง ดังนั้น หลักกฎหมายที่ดีกับคนดีจึงต้องไปด้วยกัน ด้วยเหตุนี้ จึงได้ริเริ่มโครงการ “การเมือง
สุจริต” ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อโครงการเป็น “บ้านเมืองสุจริต” เนื่องจากเรื่องนี้จริง ๆ แล้วมิได้เกี่ยวข้องแต่เฉพาะ
กับทางการเมืองเท่านั้น แต่จำเป็นต้องอาศัยการปลูกฝังเรื่องของประชาธิปไตยที่สุจริตในหมู่ประชาชน และส่วนสำคัญของการเสริมสร้างการเมืองและบ้านเมืองสุจริตนั้นอยู่ที่การเลือกตั้งที่สุจริต โดยเริ่มตั้งแต่การต่อต้านการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ทั้งนี้ จากประสบการณ์ชีวิตในวัยเรียนของประธานรัฐสภา ทำให้เห็นคุณค่าและความสำคัญของสถาบันการศึกษา
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะหล่อหลอมและกระตุ้นให้เราได้คิด โดยโครงการ “บ้านเมืองสุจริต” จะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันในระยะยาว และสร้างพื้นฐานสังคมที่ดีโดยมีเยาวชนและประชาชนทั่วไปเป็นกลุ่มเป้าหมาย
ดังนั้น จึงขอให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาทุกท่าน ซึ่งเป็นอาจารย์ที่สอนในวิชาใดก็ตาม ได้ใช้ชั่วโมงการสอน แนะนำและปลูกฝังค่านิยมความรู้สึกสำนึกในเรื่องสุจริตให้แก่เด็กและเยาวชนโดยประธานรัฐสภา มิได้มีความคิดในการตั้งองค์กรใหม่
แต่หวังให้หน่วยงานและสถาบันต่าง ๆ นำเรื่อง “บ้านเมืองสุจริต” ไปปลูกฝังให้แก่เด็กนักเรียนเพื่อสร้างพฤติกรรม
สุจริตให้เกิดขึ้นต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ ได้อัญเชิญพระบรมราโชวาทในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ได้พระราชทานไว้ เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 52 ที่ว่า "ชาวไทยทุกหมู่เหล่า ทำความเข้าใจในหน้าที่ของตนให้กระจ่าง แล้วตั้งจิตตั้งใจให้เที่ยงตรง หนักแน่น ที่จะมาปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด" และพระบรมราโชวาทเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 53 ที่ว่า "คนไทยทุกหมู่เหล่าควรทำความเข้าใจในหน้าที่ของตนให้กระจ่าง
แล้วตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด มีความไม่ประมาท และมีความมีสติรู้ตัวอยู่เสมอ..." ซึ่งได้เน้นย้ำในเรื่อง
ของความรับผิดชอบและให้ทุกคนตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด จึงขอให้ทุกท่านให้ความสำคัญกับการเป็นทั้งคนเก่งและคนดี เพราะคนดีคือหัวใจของบ้านเมืองที่จะขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศชาติให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นต่อไปสำหรับ “บ้านเมืองสุจริต” นั้น เกิดจากความคิดริเริ่มของนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และเป็นสิ่งที่สังคมไทยคาดหวัง เพราะการได้มาซึ่งสิทธิเสรีภาพตามระบอบประชาธิปไตยนั้น จะต้องได้มาด้วยความชอบธรรมหรือได้มาด้วยความสุจริต จึงจำเป็นต้องสร้างความตระหนักรู้ให้แก่
เยาวชนที่จะเติบโตขึ้นเป็นอนาคตของชาติ เกี่ยวกับความสำคัญของการเมืองที่ยึดหลักธรรมาภิบาล อันประกอบด้วย
หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักการมีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบ และหลักความคุ้มค่า ตลอดจนหลักความไม่เกรงใจ ซึ่งเป็นต้นทางของการสร้างบ้านเมืองสุจริต ตามที่ประธานรัฐสภาได้มีดำริไว้ว่า การสร้างสำนึกรู้เรื่องความซื่อสัตย์สุจริตควรปลูกฝังกันตั้งแต่ยังเด็ก โดยเฉพาะกับเยาวชนในสถาบันอุดมศึกษา เพราะเป็นช่วงก่อนที่
เยาวชนจะเข้าสู่สังคมการทำงาน เยาวชนเหล่านี้จึงจำเป็นต้องมีภูมิคุ้มกันทางสังคมในการต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบ
อย่างไรก็ตาม การปลูกฝังความตระหนักรู้เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวให้เยาวชนนั้น แม้ว่าแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560
– 2579 ได้เสริมสร้างความเป็นพลเมืองที่ดีในระบอบประชาธิปไตยให้แก่เยาวชนผ่านการพัฒนาหลักสูตรและจัดการเรียน
การสอนในรูปแบบรายวิชาเพิ่มเติมและรายวิชาศึกษาทั่วไปในสถาบันการศึกษาตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาจนถึงระดับอุดมศึกษาแต่พบว่าเนื้อหารายวิชายังขาดจุดเน้นเกี่ยวกับบ้านเมืองสุจริต ดังนั้น จึงควรจัดให้มีการพัฒนาและยกระดับการสอน
ของผู้สอนในรายวิชาดังกล่าวให้มีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น เพื่อถอดบทเรียนและตกผลึกองค์ความรู้เกี่ยวกับแนวทาง
การสอนและกิจกรรมที่ใช้ประกอบการสอนที่เหมาะสม
นอกจากนี้ ยังต้องส่งเสริมให้ผู้บริหารในสถาบันการศึกษาเห็นถึงความสำคัญในการนำองค์ความรู้ดังกล่าวไปประยุกต์
ใช้ในการจัดการเรียนการสอนในสถาบันที่ตนสังกัดอยู่เพื่อให้เกิดการนำไปประยุกต์ใช้อย่างแท้จริง จึงนับเป็นโอกาสดีที่รัฐสภาจะได้แสดงบทบาทในการขับเคลื่อนการเสริมสร้างประชาธิปไตยและบ้านเมืองสุจริต โดยการดำเนินกิจกรรมการสัมมนาระดมความคิดเห็นสำหรับพัฒนาการสอนรายวิชาศึกษาทั่วไปเพื่อส่งเสริมการสร้างบ้านเมืองสุจริต ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายเป็นอาจารย์ผู้สอนในรายวิชาศึกษาทั่วไปและผู้เกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริมการสร้างบ้านเมืองสุจริตต่อไป