ประธานรัฐสภา ให้การรับรอง เอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย เพื่อแนะนำตัวในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่
วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม 2565 เวลา 14.30 นาฬิกา ณ ห้องรับรองพิเศษ 205 ชั้น 2 อาคารรัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้การรับรองนางออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย เพื่อแนะนำตัวในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ โดยมีศาสตราจารย์เกียรติคุณไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์ สมาชิกวุฒิสภา และประธานกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทย-อิสราเอล และนายวิวัฒน์ มุ่งการดี ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร ร่วมให้การรับรอง
ประธานรัฐสภา กล่าวต้อนรับและแสดงความชื่นชมในความรู้และความสามารถของเอกอัครราชทูตฯ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งอุปทูตฯ มาก่อนจึงมีความคุ้นเคยกับประเทศไทยเป็นอย่างดี อีกทั้งยังได้พบกับบุคคลสำคัญของฝ่ายบริหารมาแล้วหลายคน นอกจากนี้แล้วรัฐสภาของทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันผ่านการดำเนินกิจกรรมของกลุ่มมิตรภาพฯ โอกาสนี้ ประธานรัฐสภา กล่าวชื่นชมความเจริญด้านต่าง ๆ ของอิสราเอล โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเทคโนโลยีการเกษตร ซึ่งแรงงานไทยที่ไปทำงานที่อิสราเอลเมื่อกลับมาได้นำความรู้และประสบการณ์ทางด้านนี้มาปรับใช้ในภาคการเกษตรของตนเอง นับว่ามีประโยชน์เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ขอฝากให้เอกอัครราชทูตฯ ช่วยดูแลแรงงานไทยที่ไปทำงานที่อิสราเอลด้วย แม้ว่าประเทศไทยจะมีความก้าวหน้าทางด้านการเกษตรเมื่อเทียบกับประเทศในแถบประเทศอาเซียน แต่หากเทียบกับอิสราเอลแล้ว ประเทศไทยยังต้องเรียนรู้จากอิสราเอลอีกมาก เกษตรกรในประเทศไทยส่วนใหญ่มีฐานะยากจน ดังนั้น การแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้กับเกษตรกร จึงต้องพยายามพัฒนาทางด้านการเกษตร ซึ่งอิสราเอลประสบความสำเร็จในเรื่องดังกล่าว และไทยจะศึกษาแบบอย่างความสำเร็จนี้ และเรื่องที่น่าชื่นชมอีกประการหนึ่งของอิสราเอลคือ การให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ดีของการพัฒนาบุคลากรให้ที่มีความรู้ความสามารถตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ด้านเอกอัครราชทูตฯ แสดงความขอบคุณที่ประธานรัฐสภาให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมทั้งแสดงความชื่นชมที่ได้พบกับประธานรัฐสภา ซึ่งเป็นบุคลที่ดำรงตำแหน่งสำคัญของประเทศมาแล้วหลายตำแหน่ง และได้ทุ่มเทชีวิตการทำงานให้กับประเทศมาอย่างยาวนาน ไทยและอิสราเอลต่างมีความสัมพันธ์ทางการทูตกันมาอย่างยาวนานและจะครบรอบ 70 ปี ในปี 2567 ซึ่งจะได้จัดกิจกรรมระหว่างกัน โดยจะขอเชิญประธานรัฐสภาเดินทางเยือนอิสราเอลด้วย นอกจากนี้แล้วทั้งสองประเทศยังมีความสัมพันธ์ครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม การเกษตร แรงงาน และการท่องเที่ยว ซึ่งประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของนักท่องเที่ยวอิสราเอล สำหรับด้านการเกษตรนั้นอิสราเอลมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการเกษตรมาก โดยมีเป้าหมายคือสร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร ด้านแรงงาน ซึ่งภาคการเกษตรของอิสราเอลมีแรงงานต่างชาติเพียงชาติเดียวคือแรงงานไทย มีจำนวนประมาณ 30,000 คน ทั้งนี้ รัฐบาลอิสราเอลได้ดูแลแรงงานไทยให้ได้รับค่าจ้าง สวัสดิการ และการคุ้มครองตามที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ ยังได้ให้ทุนการศึกษาด้านการเกษตรหลักสูตร 1 ปี กับนักเรียนไทย โดยมุ่งเน้นที่ภาคปฏิบัติเป็นหลัก
เครดิต : ข่าว โดยกลุ่มงานข้อมูลข่าวสารระหว่างประเทศ สำนักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร