ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานมอบโล่เกียรติคุณให้แก่ผู้สนับสนุนกิจกรรมงานวิ่งการกุศลระดุมทุนบริจาค 3 มูลนิธิ จากการจัดกิจกรรม TOOLGETHERRUN ครั้งที่ 2 วิ่งครั้งนี้ ... มีแต่ได้ประจำปี พ.ศ. 2565
วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม 2565 เวลา 11.00 นาฬิกา ณ ห้องสัมมนาบี 1-2 ชั้น บี 1 อาคารรัฐสภานายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานมอบโล่เกียรติคุณให้แก่ผู้สนับสนุนกิจกรรมงานวิ่งการกุศลระดุมทุนบริจาค 3 มูลนิธิ จากการจัดกิจกรรม “TOOLGETHERRUN ครั้งที่ 2 วิ่งครั้งนี้ ... มีแต่ได้ประจำปี พ.ศ. 2565” และร่วมเป็นสักขีพยานในการมอบเงินบริจาคให้แก่ 3 มูลนิธิ ประกอบด้วย มูลนิธิรามาธิบดี มูลนิธิโรงพยาบาลเด็กกองทุนอาคารเฉลิมพระเกียรติ และโรงพยาบาลสงฆ์ โดยมีคณะทำงานทางการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎร ร่วมพิธี
โอกาสนี้ ประธารนรัฐสภา กล่าวให้โอวาทแก่คณะผู้จัดกิจกรรม ผู้สนับสนุนกิจกรรม และผู้แทนจาก 3 มูลนิธิ ความว่า ขอแสดงความชื่นชมยินดีที่ทางชมรมได้ดำเนินกิจกรรม “TOOLGETHERRUN วิ่งครั้งนี้ ... มีแต่ได้" ซึ่งวัตถุประสงค์ของโครงการได้ประโยชน์ทั้งผู้ให้และผู้รับ
กล่าวคือ การมอบเงินบริจาคให้แก่มูลนิธิต่าง ๆ จะช่วยเสริมการปฏิบัติภารกิจของมูลนิธิ ในฐานะที่เป็นคนป่วยคนนึงของโรงพยาบาล ทราบว่าการทำงานของโรงพยาบาลไม่มีวันหยุด คนป่วยไม่สามารถบอกได้ว่าป่วยวันไหน และในโลกของความเป็นจริงชีวิตคนทุกคนมีความเสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บทุกวัน เพราะฉะนั้นผู้ที่รับภาระยิ่งใหญ่ก็คือโรงพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล และสาธารณสุข ล้วนมีภารกิจสำคัญที่ไม่มีวันหยุด
สิ่งที่อยากจะฝากเป็นข้อคิดในวันนี้ คือประเทศไทยโชคดีและมีความโดดเด่นเรื่องการแพทย์ เพราะมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ เพราะคนเก่งส่วนใหญ่ของประเทศมักจะเรียนแพทย์ แต่สิ่งที่สำคัญคือไม่ว่าอยู่ในสถาบันไหนแพทย์ทุกคนได้รับการหล่อหลอมด้วยปณิธานของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกที่มอบไว้ให้คือ "ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตนเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง" นี่คือข้อแตกต่างที่แพทย์ไทยไม่เหมือนแพทย์ที่อื่น บุคลากรทางสาธารณสุขของไทยมีลักษณะพิเศษ คือไม่ปล่อยให้คนป่วยเจ็บตายโดยไม่เหลียวแลซึ่งไม่เหมือนในประเทศพัฒนาแล้วในยุโรป ทำให้ประเทศไทยดูแลสถานการณ์โควิดได้ดีกว่าที่อื่น โดยมีอาสาสมัครสาธารณสุขช่วย และในคณะรัฐมนตรีที่มีตนเป็นนายกรัฐมนตรี มีมติให้วันที่ 20 มีนาคมของทุกปีเป็น "วันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ" มาตั้งแต่ปี 2536 และให้ค่าตอบแทน เพื่อแบ่งเบาค่าใช้จ่ายของจิตอาสา เพราะ ภารกิจด้านสาธารณสุขเป็นภารกิจที่ใช้งบประมาณจำนวนมาก และทั่วโลกก็มีปัญหาเรื่องนี้ทั้งสิ้น ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพอนามัยสูงมาก ซึ่งในสมัยที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้เริ่มโครงการรักษาฟรีให้แก่เด็กแรกเกิดและคนแก่ ส่วนคนที่มีอายุกึ่งกลางต้องจ่ายค่ารักษาเอง เว้นแต่ผู้มีรายได้น้อยให้ถือบัตรผู้มีรายได้น้อย สมัยนั้น ผู้ที่มีฐานะจะซื้อบัตร 500 บาทรักษาได้ทั้งปี และตอนหลังเป็น 1,000 บาท การดูแลรักษาผู้ป่วยในเมืองไทยนั้นมีวัฒนาการที่ดีไม่มีการปล่อยใครไว้ข้างหลังโดยไม่ได้รับการดูแล ต้องชื่นชมบุคลากรทั้งหลายที่ทำหน้าที่ในภาระรับผิดชอบได้อย่างดี แต่ว่าสิ่งที่สุดดีที่สุดคือ ทุกคนต้องพยายามรักษาสุขภาพอนามัย
ประโยชน์ของผู้ให้ในกิจกรรมนี้คือ ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมได้มีโอกาสเคลื่อนไหว ได้มีการขยับ โรคภัยไข้เจ็บไม่เลือกปฏิบัติ เกิดขึ้นได้กับทุกคน เมื่อทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมเช่นนี้ แล้วขอให้สิ่งที่ทุกคนทำตอบสนองความดีที่ทุกคนได้ทำ ขอให้ทุกคนได้ประพฤติปฏิบัติในแนวทางที่ถูกต้องทั้งวิถีชีวิตส่วนตัวส่วนร่วม และขอให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จในทุกครั้ง
สำหรับกิจกรรมวิ่งการกุศลฯ จัดโดยชมรมเครื่องมือเครื่องเหล็กแห่งประเทศไทย ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 ธ.ค.65 ณ เมืองโบราณ จ.สมุทรปราการ โดยมีนักวิ่งเข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 3,000 คน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำรายได้สมทบทุนมอบแก่สถาบันทางการแพทย์เพื่อ 3 แห่ง เพื่อนำไปเป็นสาธารณประโยชน์ ช่วยเหลือผู้ที่ขาดแคลนไม่สามารถเข้าถึงบริการทางสุขภาพผ่านทั้ง 3 สถาบันดังกล่าว ทั้งนี้ ทางชมรมฯ จะยืนหยัดเพื่อช่วยเหลือสังคมตามศักยภาพที่มีสืบต่อไป ซึ่งในวันนี้มีผู้เข้ารับโล่เกียรติคุณจำนวนทั้งสิ้น 30 คน