ประธานรัฐสภา เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสัมมนาเสริมสร้างศักยภาพของส่วนราชการสังกัดรัฐสภาเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
วันศุกร์ที่ 27 มกราคม 2566 เวลา 09.00 นาฬิกา ณ ห้องประชุมสัมมนา B1 – 2 ชั้น B1 อาคารรัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสัมมนาเสริมสร้างศักยภาพของส่วนราชการสังกัดรัฐสภาเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต โดยมี นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวรายงาน
โอกาสนี้ นายชวน หลีกภัย กล่าวตอนหนึ่งว่า "ขอให้มุ่งเน้นการพัฒนาองค์กรและบุคลากรในสังกัดรัฐสภาไปสู่การมีธรรมาภิบาลภาคปฏิบัติอย่างจริงจัง นอกเหนือจากการมีหลักนิติธรรม คุณธรรมจริยธรรม ความโปร่งใส การมีส่วนร่วม ความรับผิดชอบ และความคุ้มค่าของงานแล้ว ที่สำคัญคือ ต้องเพิ่มหลักความไม่เกรงใจ ซึ่งความเกรงใจแม้เป็นคุณสมบัติที่ดีแต่ควรเกรงใจในสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง โดยไม่ควรเกรงใจผู้บังคับบัญชาหรือ เกรงใจฝ่ายการเมืองในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ต้องไม่รับหรือไม่ตอบแทนบุญคุณในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง มีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วในหลายกรณีที่มีการเกรงใจไปทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องทำให้เกิดผลเสียหายต่อส่วนรวมและเสียหายต่อตนเองอย่างไร หลายคดีมีคนติดคุกมาแล้วเพราะความเกรงใจทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง การทำในสิ่งที่ถูกต้องอาจไม่ถูกใจแต่สามารถอธิบายได้อย่างมีเหตุผล องค์กรรัฐสภาต้องพัฒนาบุคลากรให้มีประสิทธิภาพในการทำงานให้มีคุณภาพ รู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงและนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เป็นประโยชน์และเพิ่มประสิทธิภาพในงานของฝ่ายนิติบัญญัติ ให้ความสำคัญกับการมีสุขภาพดีเพื่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุขในการทำงานในองค์กร สนับสนุนคนที่มีศักยภาพ มีความรู้ความสามารถ ให้โอกาสให้ความเป็นธรรมในความเจริญก้าวหน้า บุคลากรของรัฐสภาและฝ่ายการเมืองต้องเป็นตัวอย่างของการเคารพกฎหมาย เพราะเราเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ เป็นผู้ออกกฎหมาย ต้องตระหนักและทำความเข้าใจว่าประเทศเรามีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในระบบรัฐสภา รัฐสภาเป็นฝ่ายนิติบัญญัติเป็นอำนาจแรก ที่เกี่ยวกับฝ่ายบริหารโดยตรง ฝ่ายบริหารมาจากสภาฯ หากได้ฝ่ายสภา สมาชิกรัฐสภาดี จึงจะได้ฝ่ายบริหารรัฐบาลที่ดี ปัญหาธุรกิจการเมืองที่ลุกลามในปัจจุบัน ก็เหมือนเชื้อโรคที่อุบัติขึ้น สร้างปัญหามากขึ้น ส่งผลเสียต่อสภาพการเมืองไทย ต้องพยายามทาทางป้องกัน และแก้ไข โดยไม่ท้อหรือยอมจำนน ต้องช่วยกันเผยแพร่ความเชื่อ ความตระหนักร่วมกันให้ได้ว่า"ประเทศจะรุ่งเรือง เมื่อบ้านเมืองสุจริต"
สำหรับโครงการดังกล่าวจัดโดยสำนักงานเลขานุการ ก.ร. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มีวัตถุประสงค์เพื่อรับฟังความคิดเห็น ปัญหา ความต้องการ และข้อเสนอแนะจาก ก.ร. และผู้ทรงคุณวุฒิในการดำเนินการพัฒนาศักยภาพของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของรัฐสภาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต พร้อมทั้งนำข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะจากการสัมมนา มาเป็นข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบการศึกษา วิเคราะห์ เป็นแนวทางปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ของแต่ละส่วนราชการสังกัดรัฐสภา รวมทั้งแผนปฏิบัติราชการด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา โดยมีกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 150 คน