วันพุธที่ 30 ตุลาคม 2567 เวลา 11.45 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร รับยื่นร่าง พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .... จากนายโสภณ ซารัมย์ ประธานคณะ กมธ.การศึกษา และผู้แทนพรรคการเมือง 4 พรรค ประกอบด้วยพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคกล้าธรรม เนื่องจาก พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ถือได้ว่าเป็นพ.ร.บ. ฉบับปฏิวัติการศึกษา เป็นกฎหมายสำคัญในการกำหนดทิศทางการจัดการศึกษาในยุคการเปลี่ยนแปลงของโลก ให้เท่าเทียม ทันยุค ซึ่งปัจจุบันมนุษย์ได้รับผลกระทบจากสิ่งที่เกิดขึ้นมากมาย และกว้างขวาง อันส่งผลให้เกิดการลดลงของประชากร ความเป็นอยู่ของคนในสังคมที่ยากลำบากขึ้น ปัญหาต่าง ๆ ในสังคม ล้วนเกิดจากอิทธิพลทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง เทคโนโลยี และวัฒนธรรมทั้งสิ้นการศึกษานั้น จึงเป็นหลักประกันที่สำคัญ ที่จะสร้างองค์ความรู้ ความสามารถ และภูมิคุ้มกันที่ดี เพื่อสร้างฐานะทางเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ที่ดีของคนในชาติ จากการที่ คณะกมธ.การศึกษา โดยการนำของ นายโสภณ ชารัมย์ ประธานคณะกมธ.การศึกษา ได้ลงพื้นที่ทุกภาคของประเทศ เพื่อรับฟังข้อคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายอย่างครบถ้วนและได้นำข้อมูลเหล่านั้น มาวิเคราะห์เพื่อให้ครอบคลุมทุกประเด็น และสนองตอบต่อความต้องการของคนในสังคมอย่างแท้จริง จึงมั่นใจว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้ สามารถตอบโจทย์และแก้ปัญหาต่าง ๆ ของประเทศได้อย่างตรงจุด และตรงประเด็น ปัจจุบันจำนวนสถานศึกษาที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีสถานศึกษาขนาดเล็กว่า 14,000 แห่ง และพบว่ามีปัญหาการจัดการศึกษามากมาย ไม่ว่าจะเป็นความพร้อมด้านบุคลากร สื่อวัสดุอุปกรณ์ แหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ไม่เพียงพอต่อการเรียนรู้ของเด็ก เป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้เด็กไม่สามารถเรียนรู้ได้ดี จึงออกจากระบบการศึกษา ซึ่ง พ.ร.บ. ฉบับนี้ มีแนวทางในการแก้ไขปัญหาไม่ว่าจะกำหนดให้มีการใช้ทรัพยากรด้านครู สื่อการเรียน ทรัพยากรอื่น ๆ ร่วมกันในรูปของกลุ่มโรงเรียน เพื่อสร้างความพร้อมในการจัดการศึกษา ลดความเหลื่อมล้ำและแก้ไขปัญหาที่เหมาะสม และให้ความสำคัญต่อการลดภาระของผู้ปกครอง และผู้เรียน โดยจัดให้มีระบบธนาคาร หน่วยกิตแห่งชาติขึ้น เพื่อผู้เรียนสามารถนำผลการเรียน มาสะสมเทียบโอนและใช้ประโยชน์ในการเพิ่มคุณวุฒิการทำงานและการศึกษาต่อได้ สำหรับการจัดการการศึกษาระดับปฐมวัย ต้องให้ควานสำคัญกับการศึกษาของเด็กปฐมวัยให้ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มตามศักยภาพ เพราะเด็กวัยนี้เป็นวัยที่สามารถกำหนดคุณสมบัติของคนเกือบจะทั้งหมด ปัจจุบันปัญหาเศรษฐกิจครัวเรือน ทำให้เด็กส่วนใหญ่ในท้องถิ่นไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ต้องดิ้นรนเพื่อปากท้อง ออกจากบ้านเพื่อหางานทำ ความผูกพันกับพ่อแม่แทบจะไม่มีเวลา จึงจำเป็นต้องกระจายอำนาจองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดการศึกษาในระดับปฐมศึกษานอกจากนี้ พ.ร.บ. ฉบับนี้ยังให้ความสำคัญกับระบบการศึกษา โดยได้ปรับเปลี่ยนเป็น 2 ระบบ คือ การศึกษาในระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย เพื่อสร้างความเสมอภาคทางความรู้สึกและให้ความสำคัญของระบบทั้งสองอย่างเท่าเทียมกันในการจัดการศึกษาขั้นพื้นตานนั้น ยังระบุให้เป็นการจัดการศึกษา ตั้งแต่ระดับประถมถึงอาชีวศึกษา (วุฒิ ปวช.) เพื่อเปิดโอกาสในการเรียนฟรี สำหรับผู้ที่ถนัดสายสามัญ ก็จะถูกพัฒนาให้เป็นมันสมองของชาติ และผู้ที่ถนัดทักษะอาชีพ ก็จะเป็นกลไกสำคัญของตลาดแรงงานที่มีคุณภาพ และสร้างรายได้ ยกฐานะทางเศรษฐกิจให้กับประเทศชาติและยังมีการปฏิวัติอีกหลาย ๆ เรื่อง โดยที่ พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .... แบ่งออกเป็น 11 หมวด และบทเฉพาะกาล รวมจำนวน 128 มาตรา
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา กล่าวภายหลังรับยื่นหนังสือว่า ขอขอบคุณประธาน กมธ.การศึกษา และพรรคการเมืองต่าง ๆ ที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการศึกษา ซึ่งทุกท่านทราบว่าเรื่องการศึกษานั้นเป็นเรื่องที่มีความสำคัญยิ่งของประเทศ การศึกษาเป็นการพัฒนาประเทศ พัฒนาคน แล้วคนก็จะไปพัฒนาเศรษฐกิจ พัฒนาสังคม พัฒนาประเทศชาติ ถ้าหากการศึกษาล้าหลังอย่างอื่นก็ล้าหลังไปด้วย ดังนั้น การศึกษาเป็นเรื่องของมนุษยชาติ ถ้าพัฒนาการศึกษาไม่ได้พวกเราทุกคนก็อยู่ในโลกนี้ไม่ได้เช่นกัน ทุกคนมีความห่วงใยเกี่ยวกับการศึกษาเพราะเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ตนเชื่อว่าทุกคนคงจะถอดบทเรียนจากการศึกษาที่ผ่านมา และดูการศึกษาจากประเทศต่าง ๆ ที่การศึกษามีความก้าวหน้าเช่น ประเทศสิงค์โปร์ขึ้นชื่อว่าการศึกษามีคุณภาพสูง เนื่องจากได้มีการปฏิรูปการศึกษาเพื่อจัดระบบการศึกษา เพราะความเชื่อที่ว่าประชากรคือทรัพยากรที่มีค่าที่สุดในประเทศ ทำให้ประเทศมีความเจริญทั้งทางด้านเศรษฐกิจ ด้านสิ่งแวดล้อม ตนในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎร จะบรรจุ พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติที่พรรคการเมืองต่าง ๆ เสนอมาในระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรโดยเร็วที่สุด เพื่อจะนำมาสู่การพิจารณาต่อไป แต่การประชุมสมัยนี้คงไม่ทันแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าพวกเราทุกคนจะเห็นการปฏิรูปการศึกษาของไทยต่อไป
ด้าน นายโสภณ ซารัมย์ กล่าวว่า พรรคการเมืองต่าง ๆ โดยการนำของพรรคภูมิใจไทย พรรคเพื่อไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคกล้าธรรม ได้รับความกรุณาจากประธานสภาผู้แทนราษฎรมารับร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .... เพราะเห็นว่าการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญ และร่าง พ.ร.บฉบับนี้เป็นร่างที่จะปฏิวัติการศึกษาของชาติให้สำเร็จ และหวังว่าจะได้รับความกรุณาจากประธานสภาผู้แทนราษฎรในการที่จะบรรจุร่างดังกล่าวให้เร็วที่สุดในสมัยการประชุมครั้งถัดไป และผ่านกฎหมายฉบับนี้โดยเร็ว เพื่อนำไปพิจารณาในชั้นกมธ. และหวังว่าจะประกาศใช้เป็นกฎหมายได้ในปี 2569