ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้การต้อนรับ อิหม่ามศราวุธ ศรีวรรณยศ รองประธานสภาดะฮ์วะหฺอิสลามแห่งเอเชียอาคเนย์และแปซิฟิก ดาโต๊ะ มูฮัมหมัด มัรซูกี มูฮัมหมัด โอมาร เลขาธิการใหญ่สภาดะฮ์วะหฺอิสลามแห่งเอเชียอาคเนย์และแปซิฟิก นายวารุด ไม่สะพร่าว นายกสมาคมนิสิตนักศึกษาไทยมุสลิม และคณะผู้นำเยาวชนและนักศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ องค์กรระหว่างประเทศ และประเทศผู้สังเกตการณ์จาก 14 ประเทศ
วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน 2565 เวลา 10.00 นาฬิกา ณ ห้องสัมมนา B 1 - 5 ชั้น B 1 อาคารรัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้การต้อนรับ อิหม่ามศราวุธ ศรีวรรณยศ รองประธานสภาดะฮ์วะหฺอิสลามแห่งเอเชียอาคเนย์และแปซิฟิก ดาโต๊ะ มูฮัมหมัด มัรซูกี มูฮัมหมัด โอมาร เลขาธิการใหญ่สภาดะฮ์วะหฺอิสลามแห่งเอเชียอาคเนย์และแปซิฟิก นายวารุด ไม่สะพร่าว นายกสมาคมนิสิตนักศึกษาไทยมุสลิม และคณะผู้นำเยาวชนและนักศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ องค์กรระหว่างประเทศ และประเทศผู้สังเกตการณ์จาก 14 ประเทศ ที่เข้าร่วมโครงการสัมมนาผู้นำเยาวชนและนิสิตนักศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะเพื่อรับโอวาท และศึกษาดูงาน ณ อาคารรัฐสภา โดยมี น.ส.ผ่องศรี ธาราภูมิ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร นายณัฐกานต์ ชูชนะ เลขานุการคณะทำงานทางการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎร และนางอัจฉรา จูยืนยง ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์ ร่วมให้การต้อนรับ
ทั้งนี้ นายชวน หลีกภัย ได้กล่าวให้โอวาทแก่คณะผู้นำเยาวชนฯ ว่า ยินดีต้อนรับผู้นำเยาวชนที่มาจากทุกประเทศ ซึ่งโดยปกติแล้ววันประชุมสภาจะไม่รับคณะเนื่องจากประธานต้องรับผิดชอบในการควบคุมการประชุม ซึ่งขณะนี้ได้มอบให้รองประธานรัฐสภาคือประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยกำลังพิจารณาเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้มีการตกลงเรื่องเวลาว่า แต่ละฝ่ายใช้เวลาฝ่ายละ 2 ชั่วโมง คือ ผู้เสนอ 2 ชั่วโมง ฝ่ายค้าน 2 ชั่วโมง รัฐบาล 2 ชั่วโมง และวุฒิสภา 2 ชั่วโมง รวมทั้งสิ้น 8 ชั่วโมง และลงมติอีกประมาณ 2 ชั่วโมง ก็จะใช้เวลาวันนี้ประมาณ 10 ชั่วโมง ส่วนในวันพรุ่งนี้ (1 ธ.ค. 65) จะเป็นการประชุมสภาตามปกติ และขอต้อนรับทุกคนด้วยความยินดี โดยได้ดูวัตถุประสงค์ บุคคลที่มาบรรยาย และบุคคลที่คณะเข้าพบแล้ว คิดว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก ทั้งนี้ ประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เราเปลี่ยนแปลงมาแล้ว 90 ปี ประชาธิปไตยของเราก็พัฒนาก้าวหน้ามาพอสมควร ที่ว่าพอสมควรนั้นคือไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราคาดคิด มีปัญหาที่เป็นอุปสรรคหลายเรื่อง นับตั้งแต่ทหารยึดอำนาจ และเมื่อทหารยึดอำนาจน้อยลงก็ยังมีอุปสรรคธุรกิจการเมืองคือซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้า ซื้อเสียง ซื้อนักการเมือง ซื้อพรรคการเมือง ซื้อองค์กรอิสระ นี่คือความจริงที่เกิดขึ้นในประเทศไทย แต่เราจะให้สิ่งนี้มาเป็นอุปสรรคไม่ได้ เราต้องฟันฝ่าสิ่งนี้ไป ขณะนี้สภาผู้แทนราษฎรที่มีตนเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 โดยครั้งแรกเมื่อปี 2531 และครั้งนี้จะต้องรณรงค์เป็นพิเศษคือเรื่อง "บ้านเมืองสุจริต" เพราะประเทศเรามีความก้าวหน้าในหลายเรื่องก็จริง สิ่งหนึ่งที่เป็นอุปสรรคคือเรื่องความไม่ซื่อสัตย์สุจริต การทุจริตกระจายไปทั่ว รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่เรียกว่ารัฐธรรมนูญปราบโกง ได้ใช้มาแล้วตั้งแต่ปี 2560 และมีแนวโน้มว่า โกงปราบรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ รัฐธรรมนูญปราบโกง ซึ่งเป็นความจริงที่ไม่ควรปกปิด จึงคิดว่าสำหรับเยาวชนมุสลิมรุ่นใหม่ โดยจริง ๆ แล้วไม่ต้องการแบ่งรุ่นเพราะในชีวิตจริงที่ตนเห็น ความดี ความไม่ดี ไม่ได้อยู่ที่รุ่น รุ่นเก่าที่ดีก็เยอะ ที่แย่ก็มี รุ่นใหม่ที่คิดว่าดี แย่กว่าเดิมก็มี แต่ว่าเราจะทำให้สิ่งนี้เป็นอุปสรรคไม่ได้ เราต้องยึดแนวพระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่ว่า บ้านเมืองมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่ว่าจะประเทศใด ๆ มีคนดีและไม่ดีเสมอ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงครองราชย์ยาวนานถึง 70 ปี พระองค์ทรงเข้าใจชีวิตจริง จึงมีพระบรมราโชวาทว่า บ้านเมืองมีทั้งคนดีและไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีทั้งหมดได้ ดังนั้น การทำให้บ้านเมืองเป็นปกติจึงไม่ใช่การทำให้คนทั้งประเทศเป็นคนดีทั้งหมดเพราะทำไม่ได้ จึงต้องมีกฎหมายและส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง อย่าให้คนไม่ดีมีอำนาจ
และขอให้กำลังใจเยาวชนมุสลิมทุกคนจากทุกประเทศ ขอให้ขวนขวาย เรียนรู้ ศึกษา ใฝ่หาความรู้อย่างที่ทุกคนทำตามที่โครงการฯ ได้เขียนมาว่า ชีวิตจริงไม่ได้อยู่เฉพาะในห้องเรียน ต้องใฝ่หาความรู้นอกห้องเรียนและหาประสบการณ์ความรู้จากบุคคลอื่น ๆ ซึ่งเป็นความจริง โดยเมื่อครั้งที่ตนเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตนเป็นนักศึกษาคนเดียวที่ขอให้อาจารย์รับรองให้มาฟังการอภิปราย เพราะมีความสนใจ และก่อนจบการศึกษายังได้เดินทางไปจังหวัดนราธิวาส จังหวัดที่เป็นมุสลิม ได้ลงพื้นที่เพื่อศึกษาเพราะอ่านประวัติศาสตร์ และเมื่อมาเป็นนักการเมืองจึงถือว่ามีภูมิคุ้มกันเล็กน้อยคือความรู้ที่รู้จักพื้นที่ จึงได้วางแนวทางแก้ปัญหาที่ถูกต้อง แต่เป็นที่น่าเสียดายที่เกิดการผิดพลาดหลังจากรัฐบาลของตน เพราะไม่ได้ใช้ระบอบประชาธิปไตยโดยไปใช้เผด็จการคือการยิงทิ้ง ฆ่าทิ้ง โดยเมื่อวันที่ 8 เม.ย. 44 ที่เรียกว่า นโยบายแก้ปัญหาภาคใต้ 3 เดือนหมด เพราะเชื่อว่าผู้ร้ายมีไม่มาก มีเพียง 50 - 60 คน จัดการเดือนละ 20 คน ใช้เวลา 3 เดือนก็หมด ผู้ที่ไม่เห็นด้วยก็ถูกย้าย มุสลิมในพื้นที่นั้นจึงก่อตัวขึ้นใหม่ และได้ก่อเหตุเมื่อวันที่ 4 ม.ค. 47 ปล้นปืนกว่า 400 กระบอก ที่ค่ายทหาร และยิงทหารเสียชีวิต นี่คือที่มาของปัญหาจนทุกวันนี้ จึงได้เล่าให้ทุกคนฟังว่า นี่เป็นบทเรียนให้เรายึดมั่นว่าเราปกครองในระบอบประชาธิปไตยนั้นต้องยึดหลักกฎหมาย ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด ใครผิดว่าไปตามกฎหมาย อย่าใช้วิธีการนอกกฎหมาย ทุกอย่างจึงย้อนกลับมาสู่การปกครองที่ชอบธรรมและถูกต้องนั้นต้องปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยในระบบที่กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์ แต่ลำพังกฎหมายอย่างเดียวไม่เพียงพอเพราะกฎหมายที่ดีกับคนดีนั้นต้องไปด้วยกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 รับสั่งว่า เมื่อกฎหมายดีอยู่แล้วสิ่งที่ต้องการคือนักกฎหมายที่ดีแท้ คือยึดมั่นในความถูกต้อง ชอบธรรม กล้าในสิ่งที่ท้าทายในยามที่มีวิกฤต โอกาสนี้ ขอให้กำลังใจกับทุกคนจากทุกประเทศ ขอให้ขวนขวายเรียนรู้ศึกษา ไขว่หาความรู้ ยึดมั่นในแนวทางที่ศาสนาสอนมา ศาสนาสอนให้เราเป็นคนดี ยึดมั่นในความชอบธรรม ถูกต้อง ความซื่อตรงสุจริต ความไม่คดโกง ความไม่เอาเปรียบสังคม ความเป็นผู้มีจิตใจที่สะอาดจะทำให้บ้านเมืองไปได้ นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงการเดินทางไปเข้าร่วมประชุมใหญ่สมัชชารัฐสภาอาเซียน ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา เมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งตนได้พบกับผู้นำจากประเทศต่าง ๆ อาทิ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มาเลเซีย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และสาธารณรัฐอินโดนีเซีย และขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในการศึกษาดูงาน ณ รัฐสภาในครั้งนี้ และยินดีต้อนรับอีกครั้งในโอกาสต่อไป
สำหรับโครงการสัมมนาผู้นำเยาวชนและนิสิตนักศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น สมาคมนิสิตนักศึกษาไทยมุสลิม และสมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย ร่วมกับสภาดะฮ์วะหฺอิสลามแห่งเอเชียอาคเนย์และแปซิฟิก และสหพันธ์นักศึกษามุสลิมแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 - 30 พ.ย. 65 ณ โรงแรมอัสมีรอซ และกรุงเทพมหานคร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเป็นผู้นำเยาวชนและนิสิตนักศึกษามุสลิมให้มีศักยภาพในการบริหารงานองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนระหว่างเยาวชน นิสิตนักศึกษามุสลิมในองค์กรกับสถาบันการศึกษาภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เกิดความเข้มแข็งและมีเอกภาพ รวมทั้งส่งเสริมความรู้และความเข้าใจในหลักศาสนบัญญัติ มีทักษะในการรับมือและดำรงในสังคมร่วมสมัย สานสัมพันธ์ในสังคมพหุวัฒนธรรมได้อย่างมีดุลยภาพและสันติ สนับสนุนความร่วมมือในภารกิจเพื่อสังคม สาธารณประโยชน์และมนุษยธรรม ตลอดจนเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ความงดงามทางศิลปวัฒนธรรมและความอุดมสมบูรณ์ของประเทศไทย โดยมี ผู้นำเยาวชน ผู้นำนิสิตนักศึกษาไทยมุสลิม ผู้นำองค์กรเยาวชนและนิสิตนักศึกษาประเทศภูมิภาคอาเซียน และผู้นำองค์กรระหว่างประเทศและประเทศผู้สังเกตการณ์ จาก 14 ประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐสิงคโปร์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐอินเดีย เอมิเรตอิสลามอัฟกานิสถาน สาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน สาธารณรัฐประชาชนบังคลาเทศ สาธารณรัฐสังคมนิยมศรีลังกา สาธารณรัฐซูดาน ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ เข้าร่วมโครงการ