ขอเชิญแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ ร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .... |
---|
ร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ....
วันที่ตั้งกระทู้ : 07 ธันวาคม 2564 15:52:14
ตั้งโดย : Superadmin |
ความเห็น | ผู้แสดงความเห็น | |
---|---|---|
รร.ไม่เข้มแข็ง ถ้าขาดพี่เลี้ยงจาก สพท. วันที่ตอบ: 27 สิงหาคม 2565 09:06:06 |
วาสนา ตาลทอง | แจ้งลบ |
ร่าง พรบ.การศึกษาแห่งชาติ ปี..พ.ศ..... มาตรา 41 ควรเพิ่มสิทธิประโยชน์ที่ได้รับของบุคบากรทางการศึกษาอื่นตำแห่ง ผอ.เขต รอง ผอ.เขต ศึกษานิเทศน์ ให่ได้รับสิทธิเทียบเท่า ผอ.รร. รอง ผอ.รร.และครู เพราะตำแหน่งดังกล่าวมาจาก ผอ.รร. รอง ผอ.รร. ครูู ทั้งสิ้น นั่นคือ เกิด สิทธิประโยชน์อยู่แล้ว.. วันที่ตอบ: 27 สิงหาคม 2565 07:50:47 |
นายเปรม ปรีดิ์ธอนันต์ | แจ้งลบ |
1. การจัดการศึกษาจะต้องสอดคล้องกับบริบทของโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยยึดโยงกับอัตลักษณ์ของความเป็นไทย ดังนั้น จึงควรวางแนวทางปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาทุกระดับให้เท่าทันเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งในระดับโลก ประเทศไทย ภูมิภาคและท้องถิ่น โดยให้ความสำคัญกับรายวิชาศาสตร์พระราชา ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ศีลธรรม หน้าที่พลเมือง และประเด็นสังคมต่างๆ พร้อมทั้งการเสริมสร้างทักษะในการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสันติ ยึดมั่นกฎหมายและกติกาของสังคม ยอมรับความแตกตามและหลากหลายทางวัฒนธรรม ความคิดเห็นทางการเมือง 2. ในการพัฒนาคุณภาพนักเรียน นอกจากกิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารี ยุวกาชาด และผู้บำเพ็ญประโยชน์แล้วควรส่งเสริมกิจกรรมที่พัฒนาทักษะที่สอดคล้องกับศักยภาพของผู้เรียนแต่ละคนและนำไปสู่การมีรายได้ระหว่างเรียน เช่น โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน หรือการพัฒนาหลักสูตรทวิศึกษา (การศึกษาขั้นพื้นฐาน+อาชีวศึกษา) 3. การพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา ต้องมุ่งเน้นการ "คืนครูให้นักเรียน" โดยเปลี่ยนจากการทำงานบนกระดาษมาเป็นระบบดิจิทัล และต้นสังกัดต้องสรุปข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์ สังเคราะห์แล้วกลับไปให้โรงเรียนและคุณครูเห็นผลลัพธ์เพื่อพัฒนาต่อยอด หากข้อมูลไหนที่คุณครูได้รับมอบหมายให้เก็บแต่หมดความจำเป็นต้องใช้ให้ตัดออก รวมถึงนำระบบการตั้งเป้าหมายในการพัฒนาบุคลากรครูร่วมกับสถาบันอุดมศึกษาในพื้นที่ ระบบการประเมินผลงานตามสมรรถนะ เพื่อลดภาระงาน 4. ควรส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบ Digital Classroom โดยต่อยอดแพลตฟอร์ม "eDLTV" ของมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ในพระบรมราชูปถัมภ์ และ "ติวฟรี.com" ของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อสร้างโอการเข้าถึงการศึกษาอย่างทั่วถึงและสามารถเรียนได้ทุกที่ตลอด 24 ชั่วโมง 5. เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามหมวดที่ 6 ส่วนที่ 4 ของ พรบ. นี้ กระทรวงศึกษาธิการควรพัฒนาบทบาทของศูนย์เทคโนโลยีการศึกษา ให้เป็นหน่วยงานหลักในการพัฒนาสื่อการเรียนการสอน 6. ควรส่งเสริมและพัฒนาการจัดการศึกษาสำหรับกลุ่มที่มีความต้องการพิเศษ เช่น คนพิการและผู้ที่มีความสามารถพิเศษ วันที่ตอบ: 24 มิถุนายน 2565 13:28:44 |
นายกิตติธัช ถาวรนันท์ | แจ้งลบ |
1.ในการลดความเหลื่อมล้ำในการศึกษายกระดับคุณภาพการศึกษา ขอเสนอ 1. เด็กที่มีโรงเรียนในชนบทควรได้เรียนในโรงเรียนที่มีประจำหมู่บ้านอยู่แล้ว ควรได้เรียนในโรงเรียนที่มีคุณภาพที่เท่ากันกับ โรงเรียนในเมือง โรงเรียนเตรียมทหาร โรงเรียนเอกชน ฯลฯ คือยกเลิกการคิดที่จะยุบ โรงเรียน ควบรวม เปลืองงบประมาณแผ่นดิน ควรจะเพิ่มจำนวนครูให้เพียงพอทุกๆโรงเรียน ดูอัตรากำลังครูอย่าไปดูที่จำนวนนักเรียน โรงเรียนนั้นไม่ควรถูกยุบหรือควบรวมใดๆ มีแต่จะต้องทุมงบประมาณให้พัฒนาโรงเรียนนั้นๆให้มีมาตรฐานมากยิ่งขึ้น แม้นักเรียนคนหนึ่งพวกเขาก็จำเป็นที่ได้รับการพัฒนา พวกเขาควรได้สิทธิ์นั้นๆ เพราะการพัฒนาคนหนึ่งคนให้มีคุณภาพเขาคือกำลังหนึ่งที่จะพัฒนาประเทศชาติ ดีกว่าเขาถูกขับออกจากระบบแล้วไปสร้างปัญหาให้กับประเทศชาติภายหลัง 2.เปลืองงบประมาณแผ่นดิน การลงทุนกับการศึกษาไม่มีคำว่าขาดทุน ควรส่งเสริมการทำงานของบุคลากรทางการศึกษาให้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอ อย่าขาดตอน ให้มีความต่อเนื่อง ติดตามผล ตามสภาพจริง และควรรับข้อมูลที่เป็นจริง 3.เรื่องการประเมินวิทยฐานะของครูนั้นเมื่อถึงเวลากำหนดปีการทำงาน ควรให้เขาได้เลื่อนวิทยฐานะนั้นๆ งดการเตรียมเอกสารต่างๆ เพราะงานครูมันเยอะอยู่แล้ว ทั้งสอนทั้งงานพิเศษ แถมในช่วงโควิตครูเขาไม่ได้สบาย 4.งบที่เปลืองจริงๆคืองบที่เกณท์คนไปเป็นคนเลี้ยงไก่ ซักเสื้อ ตัดหญ้าในบ้านพัก ควรยกเลิกสิ่งเหล่านี้ให้ลดลง แล้วเปลี่ยนสถานที่พวกเขาไปอยู่ชายแดน เรื่องภายในประเทศปล่อยให้เป็นหน้าที่ของประชาชน และเอางบจากสิ่งเหล่านี้มาสนับสนุนการศึกษา 5.ถ้าพวกคุณอยากได้สภาพจริงของชีวิตครู ให้พวกคุณมาแยี่ยมผม พวกคุณก็จะได้ข้อมูลที่แท้จริงประมาณหนึ่ง 6.เรื่องการจัดการศึกษาให้มีคุณภาพ คุณภาพไม่อาจกำหนดได้ด้วยตัวเลข คะแนนสอบ หรือหรือรายงานต่าง ๆ ที่โรงเรียนแทบทุกโรงเรียนได้รับคำสั่งให้ทำ คุณภาพในสายตาของครูและนักเรียนที่ต้องการเห็นคือ ให้ครูได้มีเวลาอยู่กับนักเรียนจริง ๆ ได้จัดการเรียนการสอนอย่างเต็มที่ มีเวลาวางแผน จัดทำสื่อ นักเรียนได้รับโอกาส เข้าถึงอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการเรียนรู้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมจริง ๆ ซึ่งสิ่งเหล่าจะเกิดขึ้นได้จริง ก็ต่อเมื่อต้นสังกัด กระทรวง เขตพื้นที่ ตลอดจนผู้บริหาร ตระหนักและดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม หากมีเพียงครูที่ทั้งทำหน้าที่สอนและต้องรับภาระการจัดทำเอกสารต่าง ๆ มากเกินความจำเป็น ทำให้เวลาที่ควรจะเป็นของผู้เรียนถูกลดทอนไป ไม่สามารถทำหน้าที่นั้นได้อย่างเต็มที่ ผลก็จะเป็นดังในปัจจุบัน.. ทั้ง ๆ ที่ประเทศไทยมีชั่วโมงในการเรียนมากเป็นอันดับต้น ๆ ผลที่เกิดกับผู้เรียนนั้นกลับสวนทางกัน ซึ่งในส่วนนี้ผู้บริหารและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องควรเร่งดำเนินการพิจารณาและแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ตรงจุด 7. เรื่องการเสริมสร้างธรรมาภิบาลของระบบการศึกษา ซึ่งประกอบไปด้วย นิติธรรม คุณธรรม ความโปร่งใส ความมีส่วนร่วม ความรับผิดชอบ และความคุ้มค่า หากจะปฏิบัติให้ได้จริง ควรมีการเปิดกว้างในการรับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วน ทั้งผู้เรียน ครู ผู้บริหาร ชุมชน ให้มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้จริง โดยที่ไม่มีใครต้องกังวลว่าหากมีการแสดงความคิดเห็น ให้ข้อมูลต่าง ๆ จะส่งผลต่อการทำงาน ระบบที่ดีควรวิจารณ์ในหลักเหตุผลได้ ระบบการศึกษาจะดีได้ ส่วนหนึ่งก็คือโครงสร้างภายในดี ไม่ผุกร่อน ยกตัวอย่างเช่น การให้บุคคลากรทางการศึกษา สายการสอน ปฏิบัติหน้าที่การเงิน หรือพัสดุ ความจริงแล้วควรมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะปฏิบัติหน้าที่นี้โดยตรง เพราะเป็นเรื่องของการใช้งบประมาณแผ่นดินในการบริหารจัดการศึกษาในโรงเรียนนั้น ๆ และยังเกิดความถูกต้องคุ้มค่าคุณกด้วย 8. การลดความเหลื่อมล้ำของการศึกษา ในประเด็นนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าการศึกษาไทยเกิดความเหลื่อมล้ำอย่างชัดเจน ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจะทำอย่างไรให้ทุกโรงเรียนได้รับโอกาสในการเข้าถึงทั้งงบประมาณในการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาและบุคลากรทางการศึกษาให้เพียงพอต่อการจัดการเรียนการสอน ตัวอย่างเช่น รร.ขนาดใฟญ่ มีนักเรียนมาก งบประมาณรายหัวมาก สามารถพัฒนาอาคาร สถานที่ อุปกรณ์ สื่อ เพื่อจัดการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่กลับกันโรงเรียนขนาดเล็ก นักเรียนน้อยก็ได้รับงบประมาณน้อย และมีแต่จะน้อยลงตามอัตราการเกิดของประชากรของประเทศ ซึ่งไม่สามารถใช้งบประมาณที่มีอยู่จำกัดในการพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงพอ หรือแม้กระทั่งบุคลากรที่ขาดแคน รร.ประกาศรับสมัครครูในเงินเดือนที่รร.หาเอง ซึ่งอยู่ในอัตราไม่กี่พันบาทดังเห็นในข่าว รัฐมีหน้าที่ต้องจัดการอุดรอยรั่วทางการศึกษา ไม่ใช่มีคำสั่งให้งดการประกาศรับสมัครนั้น แล้วปัญหาที่เกิดก็ไม่ได้รับการแก้ไข วงล้อของความเหลื่อมล้ำเหล่านั้นก็จะหมุนวนไปไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้นใน 6 ประเด็นที่ผมได้กล่าวมา ทั้งคุณภาพการศึกษา การส่งเสริมธรรมาภิบาลในระบบการศึกษา และการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ผมในฐานะนักเรียนเเละเคยเป็นประธานนักเรียนมาก่อน ผู้เห็นปัญหาจึงสะท้อนและแสดงความคิดเห็นที่อาจเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการศึกษาไทยจะได้รับการแก้ไขและพัฒนา ผู้เรียนได้รับประโยชน์ เป็นคนที่ ดี เก่ง และมีความสุข และเติบโตเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพต่อประเทศต่อไปครับ วันที่ตอบ: 23 กุมภาพันธ์ 2565 21:44:59 |
ธีรเมธ สุทธจิตตะ | แจ้งลบ |
ควรเพิ่มการจัดการศึกษาในระดับอุดมศึกษา โดยให้เพิ่มคำว่า คณาจารย์ อธิการบดี เข้าไปในร่างพระราชบัญญัตินี้ด้วย วันที่ตอบ: 22 กุมภาพันธ์ 2565 13:26:55 |
สิทธินนท์ เนตร์นรินทร์ | แจ้งลบ |
1. มาตรา 8 ไม่ควรมีการจำกัดรูปแบบการศึกษามากเกินไป เนื่องจากความรู้ไร้พรมแดน และส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม 2. การจัดทำหลักสูตร ควรให้ผู้เรียนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำหลักสูตรด้วย เนื่องจากผู้เรียนมีส่วนสำคัญในระบบการศึกษา 3. ให้สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปการศึกษา เป็นส่วนราชการสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี เนื่องจากในขณะนี้มีกระทรวงที่มีหน้าที่จัดการศึกษา 2 กระทรวง คือ กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงการอุดมศึกษา ฯ การให้หน่วยงานนี้ขึ้นตรงกับสำนักนายกรัฐมนตรี จะเป็นการช่วยให้เกิดการบูรณาการการจัดการศึกษาระหว่าง 2 กระทรวง และกระทรวงอื่นที่จะจัดการศึกษา โดยไม่ใช่ภารกิจหลักของกระทรวงนั้น วันที่ตอบ: 21 กุมภาพันธ์ 2565 11:23:46 |
สิทธินนท์ เนตร์นรินทร์ | แจ้งลบ |
ควรมีการเพิ่มเงินเดือนครูให้เป็นวิชาชีพเฉพาะ แต่ต้องมีการปรับการรับสมัครตำแหน่งให้ยากขึ้น เหมาะกับสาขาที่ต้องสอน เช่น ฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ เคมี ชีวะ ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย ครูอนุบาล เป็นต้น เนื่องจากในตอนเริ่มทำงานมีความอยากเป็นครู แต่ด้วยเงินเดือนครูน้อยมากๆ จนคิดว่าไม่สามารถครองชีพได้ และปัจจุบันต้องยอมรับว่าคนเก่งๆกลายเป็นหมอ วิศวกร หรือสายงานอื่นที่เงินเดือนเยอะกว่ามาก เหลือคนที่เป็นครูแค่คนระดับการเรียนปานกลางหรือค่อนข้างไปทางน้อย ต้องยอมรับความจริงข้อนี้ก่อน แล้วจูงใจให้คนมาสนใจสมัครครู จากการมีอาชีพติวเตอร์ด้วย พบว่า บางครั้งครูสอนและเฉลยวิธีที่ผิดๆแก่นักเรียน เห็นแล้วจึงรู้สึกสะท้อนใจมาก กับเห็นเนื้อหาหลักสูตรที่ยากเกินวัยเด็กมาก จึงควรปรับหลักสูตรให้เหมาะสมกับวัยเด็ก และเห็นบางโรงเรียนสอนกันผิดๆแล้วบางวิชาใช้การจำ เช่น เด็ก ม.1-2 เรียนฟิสิกส์เรื่องแรงทั้งที่ยังไม่รู้จักนิยามคำว่าเวคเตอร์ และพวก sine cos tan แต่กลับต้องคำนวณหาพื้นลาดพื้นเคุณยง โดยการจำอย่างเดียวมันเลยทำให้เด็กเกลียดและกลัววิชาฟิสิกส์ไปเลย เป็นต้น หรือแม้กระทั่งการบวกลบคูณหาร ที่สมัยก่อนเด็กที่อ่อนที่สุดในชั้นสามารถทำได้ แต่ด้วยการอธิบายที่ยากเกินไป เด็กทุกวันนี้คิดคำนวณไม่ได้ เป็นต้น วันที่ตอบ: 09 กุมภาพันธ์ 2565 22:43:12 |
พฤกษา เสงี่ยม | แจ้งลบ |
ร่างกฎหมายการศึกษาควรกล่าวในรายละเคุณยดของสิ่งที่มีนิยามอยู่ชัดเจน การกล่าวถึงสิ่งที่เป็นนามธรรมที่ซึ่งไม่มีนิยามที่แน่นอนนั้นเปิดช่องให้การดำเนินงานอาจถูกละเว้น หรือบกพร่อง หรือผิดทิศทาง - ยกตัวอย่างเนื้อความที่มีความไม่ชัดเจน เช่น "มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีวินัย ภูมิใจในชาติ" การใช้คำว่า"คนดี"คือการสื่อสารที่ละทิ้งความสนใจในเชิงรายละเคุณยดว่าเราต้องการการศึกษาที่สร้าง"คนดี"ในด้านใด เมื่อไม่มองให้ลึกแล้ว กระบวนการสร้างคนดีในด้านใดๆก็อาจไม่ได้มีอยู่ในสาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ กล่าวคือไม่จำเป็นต้องเขียนคำว่า"คนดี"มาก็ได้หากกล่าวถึงโดยไม่เจาะจงในรายละเคุณยด - ถัดไปขอยกตัวอย่างเนื้อความที่ผู้เขียนเห็นว่ามีความชัดเจน คือประโยคที่กล่าวว่า "เชี่ยวชาญได้ตามความถนัดของตน" ถือว่าคือประโยคที่แสดงสาระสำคัญได้กระชับและชัดเจนพอที่จะเป็นข้อกำหนดผูกพันธ์ให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบสามารถปฏิบัติตามได้ - เรื่อง"ความเหลื่อมล้ำ"ที่กล่าวถึงในเนื้อความคือคุณกประเด็นสำคัญที่แก้ไขได้ในหลายมิติ ซึ่งดังที่ผมมุ่งเน้นเรื่องเนื้อความที่ชัดเจนในบทบัญญัติ สำหรับคำว่า"ความเหลื่อมล้ำ"สามารถเขียนเป็นบทบัญญัติในเชิงปฏิบัติที่ชัดเจนขึ้นได้ ยกตัวอย่างเช่น พัฒนาโรงเรียนขนาดเล็กให้มีมาตรฐาน, มีกองทุนสนับสนุนอุปกรณ์การเรียนทั้งรูปแบบออนไซต์และออนไลน์ เป็นต้น - สุดท้ายขอกล่าวถึงคำว่า "จิตวิญญาณความเป็นครู" คำๆนี้จะไม่สร้างความเปลี่ยนแปลงใดๆต่อคุณภาพครูหากไม่นิยามให้ชัดเจนดังที่ผู้เขียนได้กล่าวในความเห็นนี้มาตลอดถึงความกำกวมซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงานในขั้นต่อไป อยากให้เข้าใจว่าระบบการศึกษาทั้งระบบถ่ายทอดผลงานจากบนลงมาผ่านครูเป็นด่านสุดท้ายก่อนถึงเด็ก จึงควรตระหนักว่าตราบใดที่ครูยังต้องรับผิดชอบงานส่วนอื่นๆของระบบไปพร้อมๆกับงานด่านหน้าสุดก็คือการสอนหนังสือ ครูคุณภาพดีแค่ไหนก็ไม่อาจส่งต่อคุณภาพการสอนที่ดีที่สุดให้เด็กๆได้เต็มที่ การลดภาระงานที่ไม่จำเป็นของครูด้วยการจัดสรรงบจ้างบุคลากรที่ตรงกับงานเพิ่มจึงเป็นคุณกสิ่งที่ควรระบุลงไปในกฎหมายฉบับนี้ วันที่ตอบ: 31 มกราคม 2565 14:08:56 |
นายณัฐพนธ์ วิวัฒน์รังสรรค์ | แจ้งลบ |
ในการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ ในฐานะครูคนหนึ่ง ดิฉันอยากให้มีการลงรายละเคุณยดพิจารณาในประเด็น 3 ประเด็นดังนี้ 1. เรื่องการจัดการศึกษาให้มีคุณภาพ คุณภาพไม่อาจกำหนดได้ด้วยตัวเลข คะแนนสอบ หรือหรือรายงานต่าง ๆ ที่โรงเรียนแทบทุกโรงเรียนได้รับคำสั่งให้ทำ คุณภาพในสายตาของครูและนักเรียนที่ต้องการเห็นคือ ให้ครูได้มีเวลาอยู่กับนักเรียนจริง ๆ ได้จัดการเรียนการสอนอย่างเต็มที่ มีเวลาวางแผน จัดทำสื่อ นักเรียนได้รับโอกาส เข้าถึงอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการเรียนรู้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมจริง ๆ ซึ่งสิ่งเหล่าจะเกิดขึ้นได้จริง ก็ต่อเมื่อต้นสังกัด กระทรวง เขตพื้นที่ ตลอดจนผู้บริหาร ตระหนักและดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม หากมีเพียงครูที่ทั้งทำหน้าที่สอนและต้องรับภาระการจัดทำเอกสารต่าง ๆ มากเกินความจำเป็น ทำให้เวลาที่ควรจะเป็นของผู้เรียนถูกลดทอนไป ไม่สามารถทำหน้าที่นั้นได้อย่างเต็มที่ ผลก็จะเป็นดังในปัจจุบัน.. ทั้ง ๆ ที่ประเทศไทยมีชั่วโมงในการเรียนมากเป็นอันดับต้น ๆ ผลที่เกิดกับผู้เรียนนั้นกลับสวนทางกัน ซึ่งในส่วนนี้ผู้บริหารและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องควรเร่งดำเนินการพิจารณาและแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ตรงจุด 2. เรื่องการเสริมสร้างธรรมาภิบาลของระบบการศึกษา ซึ่งประกอบไปด้วย นิติธรรม คุณธรรม ความโปร่งใส ความมีส่วนร่วม ความรับผิดชอบ และความคุ้มค่า หากจะปฏิบัติให้ได้จริง ควรมีการเปิดกว้างในการรับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วน ทั้งผู้เรียน ครู ผู้บริหาร ชุมชน ให้มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้จริง โดยที่ไม่มีใครต้องกังวลว่าหากมีการแสดงความคิดเห็น ให้ข้อมูลต่าง ๆ จะส่งผลต่อการทำงาน ระบบที่ดีควรวิจารณ์ในหลักเหตุผลได้ ระบบการศึกษาจะดีได้ ส่วนหนึ่งก็คือโครงสร้างภายในดี ไม่ผุกร่อน ยกตัวอย่างเช่น การให้บุคคลากรทางการศึกษา สายการสอน ปฏิบัติหน้าที่การเงิน หรือพัสดุ ความจริงแล้วควรมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะปฏิบัติหน้าที่นี้โดยตรง เพราะเป็นเรื่องของการใช้งบประมาณแผ่นดินในการบริหารจัดการศึกษาในโรงเรียนนั้น ๆ และยังเกิดความถูกต้องคุ้มค่าคุณกด้วย 3. การลดความเหลื่อมล้ำของการศึกษา ในประเด็นนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าการศึกษาไทยเกิดความเหลื่อมล้ำอย่างชัดเจน ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจะทำอย่างไรให้ทุกโรงเรียนได้รับโอกาสในการเข้าถึงทั้งงบประมาณในการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาและบุคลากรทางการศึกษาให้เพียงพอต่อการจัดการเรียนการสอน ตัวอย่างเช่น รร.ขนาดใฟญ่ มีนักเรียนมาก งบประมาณรายหัวมาก สามารถพัฒนาอาคาร สถานที่ อุปกรณ์ สื่อ เพื่อจัดการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่กลับกันโรงเรียนขนาดเล็ก นักเรียนน้อยก็ได้รับงบประมาณน้อย และมีแต่จะน้อยลงตามอัตราการเกิดของประชากรของประเทศ ซึ่งไม่สามารถใช้งบประมาณที่มีอยู่จำกัดในการพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงพอ หรือแม้กระทั่งบุคลากรที่ขาดแคน รร.ประกาศรับสมัครครูในเงินเดือนที่รร.หาเอง ซึ่งอยู่ในอัตราไม่กี่พันบาทดังเห็นในข่าว รัฐมีหน้าที่ต้องจัดการอุดรอยรั่วทางการศึกษา ไม่ใช่มีคำสั่งให้งดการประกาศรับสมัครนั้น แล้วปัญหาที่เกิดก็ไม่ได้รับการแก้ไข วงล้อของความเหลื่อมล้ำเหล่านั้นก็จะหมุนวนไปไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้นใน 3 ประเด็นที่ดิฉันได้กล่าวมา ทั้งคุณภาพการศึกษา การส่งเสริมธรรมาภิบาลในระบบการศึกษา และการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ดิฉันในฐานะบุคคลากรของรัฐ ผู้เห็นปัญหาจึงสะท้อนและแสดงความคิดเห็นที่อาจเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการศึกษาไทยจะได้รับการแก้ไขและพัฒนา ผู้เรียนได้รับประโยชน์ เป็นคนที่ ดี เก่ง และมีความสุข และเติบโตเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพต่อประเทศต่อไป วันที่ตอบ: 29 มกราคม 2565 22:13:58 |
นางสาวสุดารัตน์ ก้านจักร | แจ้งลบ |
ในอานาคตอันใกล้นี้หนูกำลังจะเข้าไปอยู่ในระบบในส่วนของการทำงาน ซึ่งกำลังจะเป็นครูและในตอนนี้ก็เป็นนักศึกษา ทำให้เห็นการทำงานทั้งสองด้าน มองว่าจะเป็นไปได้ไหมถ้าครูมีหน้าที่สอนอย่างเดียว แยกงานธุรการออก เพราะงานธุรการกระทบกับการสอนมาก ในบางครั้งครูไม่สอนนักเรียนเพื่อจะทำงานธุรการ ซึ่งดูจะขัดแย้งกับหน้าที่ ที่แท้จริงของครูไปสักสักหน่อยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ?????? วันที่ตอบ: 29 มกราคม 2565 14:55:17 |
นางสาววรรณพร มีแก้ว | แจ้งลบ |
ฝากพิจารณาให้นักศึกษาครูที่กำลังฝึกสอนมีเงินเดือนด้วยค่ะ ไม่ได้เรียนที่มหาลัยตอนฝึกสอนแต่ค่าเทอมจ่ายเต็ม และเรื่องเรียนต่อสำหรับคนที่ไม่ได้เรียนครูมาแต่อยากเปลี่ยนมาเป็นครูก็มาต่อ ป.บัณฑิตในขณะที่คนที่เรียนสายครูมาก็ล้นตลาดอยู่แล้ว ควรที่จะมีป.บัณฑิตเฉพาะเอกที่ขาดแคลนเท่านั้น โปรดเห็นคุณค่าในวิชาชีพครูไม่ใช่จะเอาสายไหนก็ได้มาเป็นครู ไม่เช่นนั่นจะมีคณะครุศาตร์ศึกษาศาสตร์ไว้ทำไม วันที่ตอบ: 28 มกราคม 2565 13:59:02 |
นางสาวจันทณีย์ สิทธิชาคำ | แจ้งลบ |
1.ในการลดความเหลื่อมล้ำในการศึกษายกระดับคุณภาพการศึกษา ขอเสนอ 1. เด็กที่มีโรงเรียนในชนบทควรได้เรียนในโรงเรียนที่มีประจำหมู่บ้านอยู่แล้ว ควรได้เรียนในโรงเรียนที่มีคุณภาพที่เท่ากันกับ โรงเรียนในเมือง โรงเรียนเตรียมทหาร โรงเรียนเอกชน ฯลฯ คือยกเลิกการคิดที่จะยุบ โรงเรียน ควบรวม เปลืองงบประมาณแผ่นดิน ควรจะเพิ่มจำนวนครูให้เพียงพอทุกๆโรงเรียน ดูอัตรากำลังครูอย่าไปดูที่จำนวนนักเรียน โรงเรียนนั้นไม่ควรถูกยุบหรือควบรวมใดๆ มีแต่จะต้องทุมงบประมาณให้พัฒนาโรงเรียนนั้นๆให้มีมาตรฐานมากยิ่งขึ้น แม้นักเรียนคนหนึ่งพวกเขาก็จำเป็นที่ได้รับการพัฒนา พวกเขาควรได้สิทธิ์นั้นๆ เพราะการพัฒนาคนหนึ่งคนให้มีคุณภาพเขาคือกำลังหนึ่งที่จะพัฒนาประเทศชาติ ดีกว่าเขาถูกขับออกจากระบบแล้วไปสร้างปัญหาให้กับประเทศชาติภายหลัง 2.เปลืองงบประมาณแผ่นดิน การลงทุนกับการศึกษาไม่มีคำว่าขาดทุน ควรส่งเสริมการทำงานของบุคลากรทางการศึกษาให้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอ อย่าขาดตอน ให้มีความต่อเนื่อง ติดตามผล ตามสภาพจริง และควรรับข้อมูลที่เป็นจริง 3.เรื่องการประเมินวิทยฐานะของครูนั้นเมื่อถึงเวลากำหนดปีการทำงาน ควรให้เขาได้เลื่อนวิทยฐานะนั้นๆ งดการเตรียมเอกสารต่างๆ เพราะงานครูมันเยอะอยู่แล้ว ทั้งสอนทั้งงานพิเศษ แถมในช่วงโควิตครูเขาไม่ได้สบาย 4.งบที่เปลืองจริงๆคืองบที่เกณท์คนไปเป็นคนเลี้ยงไก่ ซักเสื้อ ตัดหญ้าในบ้านพัก ควรยกเลิกสิ่งเหล่านี้ให้ลดลง แล้วเปลี่ยนสถานที่พวกเขาไปอยู่ชายแดน เรื่องภายในประเทศปล่อยให้เป็นหน้าที่ของประชาชน และเอางบจากสิ่งเหล่านี้มาสนับสนุนการศึกษา 5.ถ้าพวกคุณอยากได้สภาพจริงของชีวิตครู ให้พวกคุณมาแยี่ยมผม พวกคุณก็จะได้ข้อมูลที่แท้จริงประมาณหนึ่ง 6. ครู คศ.1 บายๆ วันที่ตอบ: 28 มกราคม 2565 13:36:47 |
นายมงกุฎ วงศ์สาคร | แจ้งลบ |
ควรจะมีการเพิ่มบทบัญญัติที่ “ห้าม” การจำกัดสิทธิเสรีภาพด้านทรงผม อันเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ คุณกทั้งในด้านการแต่งกายควรจะมีการเปิดเสรีภาพมากกว่านี่ คุณกทั้งควรจะกำหนดให้ในการออกกฎโรงเรียน ควรจะให้นักเรียนลงประชามติเห็นชอบทุกกฎ วันที่ตอบ: 13 มกราคม 2565 19:09:58 |
ปาณัสม์ สันติชัยรัตน์ | แจ้งลบ |
คิดเห็นด้วย พ.ร.บ เงินผดุงเกียรติ วันที่ตอบ: 25 มกราคม 2566 06:57:14 |
พลทหารสมโภช ลิ้นดี | อยู่ระหว่างรออนุมัติแสดง แจ้งลบ |
อยากให้รัฐบาลช่วยเรื่องเงินของทหารผ่านศึกทุกนายให้มากขึ้นกว่านี้ ผมเห็นด้วยกับนโยบายเงินผดุงกองเกียรติของทหารผ่านศึกทุกนาย ขอให้รัฐบาลช่วยเหลือหน่อยคับ วันที่ตอบ: 25 มกราคม 2566 05:59:27 |
นาย รัฐพงศ์ ออมสิน | อยู่ระหว่างรออนุมัติแสดง แจ้งลบ |
1. การจัดโครงสร้างของกระทรวงศึกษาธิการต้องเป็นระบบ Single command เพื่อความเป็นเอกภาพและการบูรณาการในการปฏิบัติงาน 2. ประเภทของข้าราชการที่ปฏิบัติงานในสำนักงานซึ่งมิใช่สถานศึกษา ควรเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ดังเช่นก่อนปี 2546 ข้าราชการครู/บุคลากรทางการศึกษา ให้มีเฉพาะในสถานศึกษาเท่านั้น และไม่จำเป็นต้องมีหน่วยงานทางการศึกษา วันที่ตอบ: 16 ธันวาคม 2565 11:08:25 |
นายภาณุดนัย สิทธิศักดิ์ | อยู่ระหว่างรออนุมัติแสดง แจ้งลบ |
- ภาษาที่ใช้ในพระราชบัญญัติไม่เหมาะสม หลายคำไม่ใช่คำที่ควรอยู่ในทำเนียบภาษากฎหมาย ภาษาส่วนใหญ่กำกวม ซ้ำซ้อน ฟุ่มเฟือย หรืออาจก่อให้เกิดความรู้สึกเชิงลบ ตัวอย่างเช่นคำว่า นานาอารยประเทศ เป็นคำที่สื่อนัยว่ามีทั้งประเทศที่มีอารยะและประเทศที่ไม่มีอารยะ ซึ่งเป็นทัศนคติที่ไม่ควรอย่างยิ่ง หรือคำว่า ไม่เป็นปฏิปักษ์หรือขัดแย้งต่อหน้าที่ของปวงชนชาวไทย ไม่ชัดเจนว่าหน้าที่นั้นคืออะไร เหตุใดจึงใช้คำว่าปวงชนชาวไทยแทนคำว่าประชาชน และคำว่าปฏิปักษ์กับขัดแย้งต่างกันอย่างไร ทางที่ดีควรเขียนให้ชัดเจนเข้าใจง่าย เช่น ไม่ขัดแย้งต่อหน้าที่ตามกฎหมาย เป็นตัวอย่าง - เนื้อหาในพระราชบัญญัติมีหลายส่วนที่ควรปรับปรุง เพราะอาจทำให้เกิดผลเสียหรือไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ใด ๆ เช่น การเลื่อนเงินเดือนตามผลการจัดการศึกษาอาจทำให้ครูปล่อยเกรดนักเรียน หรือการให้ครูมีสัมพันธ์กับชุมชน ประพฤติตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง รักเด็ก ฯลฯ อาจเป็นสิ่งที่ไม่สามารถวัดผลได้และไม่เกี่ยวข้องกับการศึกษาของนักเรียนหรือเกี่ยวข้องน้อย กฎหมายควรเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดผลได้จริงและผลที่ได้นั้นควรผ่านการไตร่ตรองดูแล้วว่าน่าจะเกิดผลดีมากกว่าผลเสีย ตัวอย่างสมมติเช่น ห้ามครูบังคับนักเรียนทำกิจกรรมทางการเมืองหรือศาสนา ห้ามครูเผยแพร่เรื่องส่วนตัวของนักเรียนโดยไม่ได้รับอนุญาต ฯลฯ - ขอแสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า 1. ควรเปิดโอกาสให้ผู้ที่ไม่ได้จบวุฒิครู มีสิทธิ์ศึกษาเพิ่มเติมเพื่อสอบรับใบประกอบวิชาชีพครูต่อไป โดยเฉพาะสำหรับสอนนักเรียนชั้นมัธยม เพื่อให้นักเรียนมีโอกาสได้เรียนกับผู้ที่มีความรู้ในสาขาเฉพาะโดยตรง โดยอาจกำหนดหลักเกณฑ์เงื่อนต่าง ๆ ในกฎหมายลูกเพิ่มเติม เช่น ให้ผู้จบอักษรศาสตร์สอนวิชาภาษาได้ ให้ผู้จบวิทยาศาสตร์สอนวิทยาศาสตร์ได้ เป็นต้น 2. ควรกำหนดให้เป็นหน้าที่ของสถานศึกษาหรือผู้จัดการศึกษาที่จะต้องจัดให้มีการออกใบรับรองวุฒิ ประกาศนียบัตร หรือหลักฐานอื่น ไม่ใช่ใช้คำว่า "อาจจัดให้มี" เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบอาจทำหรือไม่ทำก็ได้ ซึ่งทำให้ผู้เรียนเสียประโยชน์ในการศึกษาต่อหรือการประกอบอาชีพ ทั้งนี้ควรกำหนดมาตรฐานเกี่ยวกับการตรวจสอบใบรับรองเหล่านี้ด้วย 3. ควรมีการจัดสอบความรู้ของครูในระดับประเทศเป็นระยะตามรายวิชาที่รับผิดชอบ เพื่อให้มั่นใจว่าครูที่สอนนักเรียนยังมีความรู้ในวิชาที่สอนไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน และผลสอบครูที่ได้ควรนำมาเป็นข้อพิจารณาความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งและการเลื่อนเงินเดือนด้วย 4. ควรมีข้อกำหนดที่ตัดหรือลดภาระงานที่ไม่ใช่งานสอน เช่น งานธุรการ งานอยู่เวรยามตอนกลางคืนกรณีของครูผู้ชายที่ทำงานในโรงเรียนที่มีการจ้างยาม เพื่อให้ครูได้มีเวลาพัฒนาการเรียนการสอนและพัฒนาความรู้ความสามารถของตนเองให้มากขึ้น 5. ควรกำหนดให้มีการเปิดเผยข้อสอบในกรณีการสอบระดับชาติโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อที่จะได้มีการท้วงติงตรวจสอบกรณีข้อสอบผิดหรือไม่ได้มาตรฐาน และเพื่อให้นักเรียนและครูได้มีโอกาสศึกษาวิเคราะห์ข้อสอบอย่างเท่าเทียม วันที่ตอบ: 17 พฤศจิกายน 2565 23:07:01 |
- | อยู่ระหว่างรออนุมัติแสดง แจ้งลบ |